แม่แรง แม่แรงยกรถ

1. แม่แรงสะพาน หรือ แม่แรงกรรไกร มีลักษณะคล้ายกรรไกรสองข้าง สามารถหมุนปรับขึ้น-ลงได้ด้วยมือหมุนหรือประแจ รับน้ำหนักได้ 1 – 2 ตัน (ใช้แรงคน)
2.แม่แรงขวด หรือ แม่แรงเกลียว ใช้กลไกเกลียวหมุนเพื่อสร้างแรงยกหรือดันวัตถุได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน รับน้ำหนักได้ 3.2 ตัน และ 5 ตัน (ใช้แรงคน)
3. แม่แรงกระปุก ลักษณะเป็นทรงกระบอก ขนาดกะทัดรัด มีแกนยืดออกมาเพื่อยกน้ำหนักในแนวตั้ง มีให้เลือกตั้งแต่ 2 – 30 ตัน (ใช้แรงดันไฮดรอลิก)
4. แม่แรงจระเข้ ระบบปั๊มคู่ไฮดรอลิก โครงสร้างเตี้ยและยาว สามารถสอดเข้าใต้ท้องรถยนต์หรือวัตถุที่มีระยะห่างจากพื้นต่ำได้ เช่น รถสปอร์ตหรือรถแต่งโหลดเตี้ย
ระบบนี้มีปั๊มไฮดรอลิกสองชุด ช่วยให้การยกได้รวดเร็วขึ้น รับน้ำหนักได้ 3 ตัน (ใช้แรงดันไฮดรอลิก)
5. แม่แรงลม หรือ แม่แรงยกล้อรถบรรทุก ใช้แรงดันลมจากปั๊มลมหรือระบบอัดอากาศ (Air Compressor) ในการสร้างแรงดัน รับน้ำหนักได้มาก 80 และ 100 ตัน ใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ เช่น รถบรรทุก รถพ่วง รถบัส หรือรถเหมืองขนาดใหญ่ (ใช้แรงดันลมผสานกับไฮดรอลิก)
6. แม่แรงไฟฟ้า พร้อมกระเป๋าหิ้วครบชุด ใช้พลังงานไฟฟ้าผ่านปลั๊กเสียบหรือแบตเตอรี่โดยตรง เพียงกดปุ่มควบคุม เครื่องจะทำงานอัตโนมัติ ยกน้ำหนักรถได้อย่างรวดเร็ว รองรับน้ำหนักได้ 3 ตัน เหมาะสำหรับรถยนต์ขนาดเล็ก (ใช้ไฟฟ้า)

1. เลือกแม่แรงให้ถูกประเภท และสามารถรับน้ำหนักของวัตถุได้ โดยพิจารณาน้ำหนักรวมและเผื่อความปลอดภัย โดยค่าความปลอดภัยที่แนะนำ คือ เลือกใช้แม่แรงที่มีกำลังรับน้ำหนักมากกว่าน้ำหนักรถที่ต้องการยกอย่างน้อย 1.5 – 2 เท่า เช่น หากรถยนต์มีน้ำหนัก 2,000 กิโลกรัม (2 ตัน ) ควรเลือกแม่แรงที่รองรับน้ำหนักได้อย่างน้อย 3,000 กิโลกรัม (3 ตัน) ขึ้นไป
2. ตรวจสอบว่าแม่แรงอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ เช่น ไม่มีรอยร้าว หรือส่วนที่ชำรุด
3. ใช้แม่แรงบนพื้นผิวที่เรียบ แข็งแรง และมั่นคง หลีกเลี่ยงการใช้งานในพื้นที่ที่ไม่เสถียร หรือพื้นผิวที่ไม่เรียบ เพื่อป้องกันไม่ให้แม่แรงล้มลงขณะทำงาน
4. หากยกรถยนต์ ให้ล็อกเบรกมือ หรือ วางอุปกรณ์กันล้อ เพื่อป้องกันรถเลื่อน
5. ตรวจสอบตำแหน่งของแม่แรงว่า อยู่ตรงกลางจุดยกที่เหมาะสม
6. ห้ามสอดส่วนใดของร่างกายไว้ใต้แม่แรงขณะยก และไม่ควรปล่อยให้แม่แรงยกรถนานเกินไป

1. สำหรับแม่แรงที่ใช้ระบบไฮดรอลิก ควรตรวจสอบระดับน้ำมันไฮดรอลิกอย่างสม่ำเสมอ และเติมน้ำมันหากจำเป็น โดยต้องใช้ประเภทน้ำมันที่ถูกต้องตามที่ระบุในคู่มือ
2. ไม่ควรใช้แม่แรงยกน้ำหนักเกินมาตรฐานที่ระบุไว้ เพื่อยืดอายุการใช้งานและความปลอดภัย
3. เก็บแม่แรงในที่ที่ ไม่สัมผัสกับน้ำหรือความชื้น เพื่อป้องกันการเกิดสนิม

แม่แรงที่มีความเหมาะสมในการพกติดรถยนต์ไว้ในยามฉุกเฉิน คือ แม่แรงสะพาน ขนาด 1-2 ตัน แม่แรงขวด แม่แรงจระเข้ ขนาด 3 – 5 ตัน แม่แรงกระปุก 3 – 8 ตัน และ แม่แรงไฟฟ้า พร้อมกระเป๋าหิ้วครบชุด 3 ตัน อย่างไรก็ตาม แนะนำให้ดูน้ำหนักของรถเป็นหลัก และควรเผื่อค่าความปลอดภัยไว้ด้วย (แนะนำให้เลือกใช้แม่แรงที่มีกำลังรับน้ำหนักมากกว่าน้ำหนักรถที่ต้องการยกอย่างน้อย 1.5 – 2 เท่า)

แม่แรงยกรถ KACHA มีการรับประกันสินค้าทุกตัว
*การชำรุดจากการใช้งานไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขการรับประกันสินค้า*