เบรกเกอร์ (Circuit Breaker) คืออะไร? มีกี่ประเภท?
หลาย ๆ คนคงรู้จักกับ เบรกเกอร์(Circuit Breaker) กันอยู่แล้ว คือ อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ทำหน้าที่เปิด-ปิดวงจรไฟฟ้า เพื่อความปลอดภัย กล่าวคือเบรกเกอร์จะทำหน้าที่ควบคุม และป้องกันอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากไฟฟ้าลัดวงจรนั่นเอง แล้ว เบรกเกอร์ที่ว่านี้ หน้าจะตาเป็นอย่างไร? มีกี่ประเภท?
ในบทความนี้ KACHA จะพาไปรู้จักกับ เบรกเกอร์ (Circuit Breaker) ให้มากขึ้นกัน
เบรกเกอร์คืออะไร?
เบรกเกอร์เป็นอุปกรณ์ทำหน้าที่ในการตัดวงจรไฟฟ้าแบบอัตโนมัติ เมื่อเกิดความผิดปกติในระบบ เพื่อเป็นการป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับสายไฟ โหลด Load เช่น มอเตอร์ Generator หรืออุปกรณ์ไฟฟ้า ช่วยจำกัดความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสายไฟ มอเตอร์ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า และอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ ภายในบ้าน หรือสำนักงาน
ตามปกติแล้ว เบรกเกอร์จะทำงานผ่านความร้อน และสนามแม่เหล็กไฟฟ้า เมื่อพบความผิดปกติที่เกิดขึ้นในวงจร หรือระบบไฟฟ้า เบรกเกอร์จะทำงาน เพื่อตัดกระแสไฟฟ้าทันที เพื่อลดโอกาสที่เครื่องใช้ไฟฟ้าจะได้รับผลกระทบจากไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสียหาย และอัคคีภัยได้
ประเภทของเบรกเกอร์
ปัจจุบัน เบรกเกอร์แบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ โดยประกอบไปด้วย ดังนี้
1. เบรกเกอร์ลูกย่อย (Miniature Circuit Breaker: MCB)
เป็นเบรกเกอร์ที่นิยมใช้ภายในที่พักอาศัย เนื่องจากมีค่ากระแสไม่สูงมากนัก น้อยกว่าหรือเท่ากับ 100 A มักมีการติดตั้งภายในตู้ Consumer หรือ Load Center บริเวณที่ช่างไฟฟ้าสามารถตรวจสอบได้อย่างสะดวก
2. โมลเคสเซอร์กิตเบรกเกอร์ (Moulded Case Circuit Breaker: MCCB)
เป็นเบรกเกอร์ที่ทำจากวัสดุฟีโนลิค (Phenolic) ห่อหุ้มด้วย Mold 2 มีลักษณะเป็นฉนวนไฟฟ้า สามารถทนแรงดันได้ดี มีค่ากระแสน้อยกว่า หรือเท่ากับ 1600A โดยเบรกเกอร์ชนิดนี้ จะทำงานอัตโนมัติ และสามารถเปิด-ปิดได้ด้วยมือ
3. แอร์เซอร์กิจเบรกเกอร์ (Air Circuit Breaker: ACB)
เบรกเกอร์ชนิดนี้ มีขนาดใหญ่มากกว่าเบรกเกอร์ทั้ง 2 ข้างต้น โดยมีจุดเด่นที่ความแข็งแรงทนทาน เปี่ยมประสิทธิภาพในการยับยั้ง และป้องกันการลัดวงจรสูง โดยมีค่ากระแสน้อยกว่า หรือเท่ากับ 6300 A เป็นเบรกเกอร์แบบแรงดันไฟฟ้าต่ำ ที่นิยมติดตั้งไว้ในตู้ MDB สามารถแต่งเติม หรือติดตั้งอุปกรณ์เสริมเข้าไป เพื่อเพิ่มศักยภาพได้ ทั้งนี้มักนิยมใช้ในโครงสร้างขนาดใหญ่ และงานที่จำเป็นต้องใช้แรงดันสูง ๆ เนื่องจากสามารถรองรับและตรวจจับกระแสไฟฟ้าลัดวงจรจำนวนมากได้อย่างเต็มขีดความสามารถ
การเลือกซื้อเบรกเกอร์ เลือกอย่างไรให้เหมาะสม
การเลือกซื้อเบรกเกอร์มาติดตั้งเพื่อป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร หรือไฟฟ้ากระแสเกิน จะต้องพิจารณาความเหมาะสมสอดคล้องกับระบบไฟฟ้าในปลายทาง ที่ต้องการติดตั้งเบรกเกอร์เป็นสำคัญ ซึ่งโดยปกติแล้ว อาคารส่วนใหญ่ในประเทศไทย จะใช้ระบบไฟฟ้าแบบ 1 เฟส (Single Phrase) ในอาคารที่พักอาศัย และ 3 เฟสในโรงงาน หรืออาคารพาณิชย์ ดังนั้น การเลือกใช้เบรกเกอร์ จึงต้องเลือกให้มีความสัมพันธ์กับโครงสร้างของอาคาร ที่ปกติแล้วมักจะมีแรงดันต่ำไม่เกิน 400V โดยสามารถสรุปแนวทางในการเลือกซื้อเบรกเกอร์ผ่าน 2 ปัจจัย ได้แก่ จำนวน Pole และค่าพิพัดกระแส ดังนี้
-
จำนวน Pole
ในการเลือกซื้อเบรกเกอร์ สิ่งสำคัญอันดับแรกที่ต้องทำความเข้าใจ คือ Pole ซึ่งเป็นสิ่งที่บ่งชี้ว่าเบรกเกอร์ที่ต้องการใช้งานมีชนิด 1 เฟส หรือ 3 เฟส ประกอบด้วย
- Pole คือ เซอร์กิตเบรกเกอร์สำหรับระบบไฟฟ้า 1 เฟส นิยมใช้ร่วมกับตู้ Consumer Unit บ้าน คอนโด และที่พักอาศัยทั่วไป
- Pole คือ เซอร์กิตเบรกเกอร์สำหรับระบบไฟฟ้า 1 เฟสรวมเข้ากับสาย Neutral นิยมใช้เป็น Main Breaker ในตู้ Consumer Unit
- Pole คือ เซอร์กิตเบรกเกอร์สำหรับระบบไฟฟ้า 3 เฟส ใช้สำหรับการป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรจากสาย Line เพียงประการเดียว นิยมใช้ในร้านค้า อาคารพาณิชย์ และโรงงานอุตสาหกรรม
- Pole คือ เซอร์กิตเบรกเกอร์สำหรับระบบไฟฟ้า 3 เฟสรวมเข้ากับสาย Neutral เป็นระบบป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรที่มีความปลอดภัยสูงสุด เนื่องจากสามารถป้องกันสายไฟฟ้าหลักได้ทั้ง 4 เส้น หากตรวจพบความผิดปกติ ก็จะสามารถตัดไฟได้โดยทันที
-
ค่าพิกัดกระแส
การใช้งานเซอร์กิตเบรกเกอร์แต่ละชนิด จะต้องพิจารณาค่าพิกัดกระแสเป็นสำคัญ เนื่องจากเป็นสิ่งที่ใช้ในการบ่งบอกขีดความสามารถ และข้อจำกัดของเบรกเกอร์แต่ละชนิด ซึ่งค่าพิกัด มีหลักการง่าย ๆ ในการอ่าน ดังนี้
- Interrupting Capacitive (IC) คือ พิกัดขีดความสามารถในการทนทานต่อกระแสไฟฟ้าลัดวงจรสูงที่สุดของเบรกเกอร์ดังกล่าว
- Amp Trip (AT) คือ ขนาดของกระแสไฟฟ้าที่ต้องการใช้งาน เป็นดัชนีที่บ่งบอกว่า เบรกเกอร์มีความทนทานต่อกระแสไฟฟ้าปกติได้มากเท่าไหร่
- Amp Frame (AF) คือ พิกัดกระแสโครง หรือขนาดการทนทานของกระแสเปลือกหุ้มเบรกเกอร์ต่อไฟฟ้าลัดวงจร โดยเบรกเกอร์ดังกล่าว จะมีขนาดเท่ากัน และสามารถเปลี่ยนพิกัด AMP Trip ได้โดยขนาดไม่เปลี่ยนแปลง
เบรกเกอร์กับคัทเอาท์ ต่างกันไหม?
- เบรกเกอร์ คือ อุปกรณ์ตัดต่อไฟฟ้า หรือสะพานไฟ เมื่อโหลดช๊อต หรือมีกระแสไหลเกินกว่าค่าที่กำหนด หน้าคอลเทค จะเด็งขึ้น เพื่อแยกวงจรไฟฟ้าออกจากกัน เมื่อเราแก้ไขวงจรด้านโหลดเรียบร้อยแล้ว ก็กดหรือโยกสวิตช์ให้วงจรทำงานได้ต่อไป
- คัทเอาท์ คือ อุปกรณ์ตัดต่อไฟฟ้า หรือสะพานไฟ ที่ข้างในมีฟิวส์อยู่ เมื่อโหลดช๊อต หรือมีกระแสไหลเกินกว่าค่าที่กำหนด ฟิวส์จะขาด ต้องเปลี่ยนฟิวส์วงจร จึงจะกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม
เบรกเกอร์รับว่าเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่จะขาดไปเสียไม่ได้จากอาคารที่พักอาศัย และอาคารพาณิชย์ทุกแห่ง เนื่องจากเป็นกลไกสำคัญในการระงับเหตุไฟฟ้าลัดวงจร สร้างความปลอดภัยให้กับผู้พักอาศัย และคนที่ทำงานภายในอาคาร อย่างไรก็ตาม เบรกเกอร์ก็มีอยู่มากมายหลายชนิด จึงจำเป็นที่จะต้องพิจารณาองค์ประกอบหลายประการ ทั้งค่ากระแสไฟฟ้า หรือจำนวน Pole เพื่อให้ได้เบรกเกอร์ที่เหมาะสมแก่การใช้งาน และมีความปลอดภัย 100% นั่นเอง
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง:
- ไฟตก สาเหตุเกิดจากอะไร? แก้ไขได้อย่างไร?
- ตรวจ “ระบบไฟฟ้า” ด้วยตัวเอง ทำได้อย่างไร?
- เลือก “มิเตอร์ไฟฟ้า” แบบไหนให้เหมาะสมกับบ้าน
- เรื่องที่ต้องรู้! ก่อนซื้อ ปลั๊กไฟ
- สายดิน คืออะไร? ทำไมต้องติดตั้ง!
- เครื่องปั่นไฟ มีประโยชน์อย่างไร?
ขอแนะนำสินค้าจาก KACHA เลือกซื้อสินค้า กล่องใส่อะไหล่ ชั้นวางเครื่องมือช่าง รับรองสินค้าดี มีคุณภาพอย่างแน่นอน