ประเภทของ “กระดาษทราย” ประโยชน์การใช้งานต่าง ๆ

❝ กระดาษทราย (Sandpaper) มีลักษณะแผ่นผิวหน้าจะมีผงขัดเคลือบอยู่เพื่อทำหน้าที่ขัด กระดาษทรายจะมีรูปทรงแตกต่างกัน เช่น แผ่นสี่เหลี่ยม แผ่นกลม สามเหลี่ยม เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับขัดถูพื้นผิววัสดุต่าง ๆ ขัดตกแต่งผิวของชิ้นงานให้สวยงาม ลดสันคม หรือขัดเตรียมผิวชิ้นงานก่อนทำสี กระดาษทรายสามารถใช้ได้กับงานขัดไม้ เฟอร์นิเจอร์ ขัดเหล็ก โลหะ ขัดสีรถยนต์ งานพลาสติก มีหลายแบบ หลายขนาดให้เลือกใช้ ❞

รู้ไหมว่า? “กระดาษทราย” ยังมีคุณสมบัติการใช้งานกับของใช้ในบ้านได้อีกเพียบ ???? จะมีประโยชน์อะไร ช่วยทำอะไรได้บ้าง และวิธีการใช้งานเป็นแบบไหน วันนี้ KACHA จะพาไปดูกัน . . .

วัสดุที่ใช้ทำกระดาษทราย มีอะไรบ้าง?

กระดาษทราย คือกระดาษรูปแบบหนึ่งซึ่งมีสารขัดถูติดหรือเคลือบอยู่บนหน้าของกระดาษ ใช้สำหรับขัดพื้นผิวของวัสดุอื่นเพื่อให้วัสดุนั้นเรียบ หรือขัดให้ชั้นพื้นผิวเก่าหลุดออก หรือบางครั้งอาจทำให้พื้นผิวขรุขระมากขึ้น เพื่อเตรียมการติดด้วยกาว เป็นต้น   

1) วัสดุและคุณลักษณะ

• อะลูมิเนียมออกไซด์ (Aluminum oxide) หรือผลิตภัณฑ์ฟูสด์อะลูมินา ใช้สัญลักษณ์ AA, A เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำขึ้นจากแร่บอกไซต์ (Bauxite) เป็นวัตถุดิบขัดถูที่แข็งที่สุด คมที่สุด และเหนียวทนทานที่สุด ในการใช้งานโดยทั่วไป ได้ถูกใช้งานกันอย่างกว้างขวางในงานขัดผิวโลหะทั้งหมด และรวมถึงไม้ พลาสติก ฯลฯ ในรูปแบบของกระดาษทรายและผ้าขัด อะลูมินาขาว White Fused Alumina (WA) มีความบริสุทธิ์และแข็งกว่าอะลูมิเนียมออกไซด์ แต่มีความเหนียวและทนทานน้อยกว่าเม็ดอะลูมิเนียมออกไซด์
• ซิลิกอนคาร์ไบด์ (Silicon carbide) ใช้สัญลักษณ์ CC, GC ส่วนใหญ่ทำขึ้นจากทรายซิลิกา แล้วถูกเผาโดยความร้อนสูง  มีความแข็งมาก และขอบที่เกิดจากการตัดจะคมกว่าอะลูมิเนียมออกไซด์ แต่จะเปราะและไม่เหนียวเท่าอะลูมิเนียมออกไซด์ มักจะถูกใช้เพื่อการขัดโลหะมากกว่าการใช้ในการทำงานไม้ การทำผิวพื้น เป็นต้น
• การ์เน็ท (Garnets) ใช้สัญลักษณ์ G สกัดจากแร่ธรรมชาติ และถูกใช้ในวงการเพชรพลอย การใช้งานหลักคือ ผลิตภัณฑ์ขัดถูเคลือบ เมื่อถูกบดและแบ่งประเภทจะมีความคมกว่าฟลินท์มากและแข็งกว่ามากด้วย ดังนั้น จะใช้ตัดได้เร็วกว่าและสะอาดกว่า และจะทำงานได้ปริมาณมากกว่าฟลินท์ การ์เน็ทจะถูกใช้งานโดยทั่วไปกับการทำงานไม้

2)  วัสดุรองหลัง (Backings)

โดยทั่วไปวัสดุรองหลังจะเป็นกระดาษ หรือผ้า หรือไฟเบอร์ ซึ่งกระดาษรองหลัง กระดาษอะลูมิเนียมออกไซด์และซิลิกอนคาร์ไบด์ จะถูกหุ้มอยู่บนกระดาษเยื่อไม้ คุณภาพสูง (กระดาษดราฟด์) น้ำหนักของกระดาษถูกปรับให้เข้ากับขนาดของเม็ดขัดหรือให้เข้ากับงานพิเศษซึ่งถูกออกแบบมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ

➤ น้ำหนักของกระดาษรองหลังที่ใช้ในสินค้าทางเทคนิค (ซิลิกอนคาร์ไบด์ อะลูมิเนียมออกไซด์ และการ์เน็ท) ถูกอ้างถึงเป็นน้ำหนัก “A” “C” “D” และ “E”
➤ ผ้ารองหลัง ผ้าสองชนิดที่ใช้กันคือ “ยีนส์” (วัสดุรองหลัง น้ำหนักเบา ยืดหยุ่น “J” และ “เจาะ” (วัสดุรองหลังหนัก “X”)

3) สารเคลือบ (Coating)

ประเภทของงานที่แตกต่างกัน และประเภทของผลิตภัณฑ์ที่จะถูกขัดแตกต่างกัน ต้องการการเคลือบจากโครงสร้างที่แตกต่างกัน ซึ่งมีอยู่ 2 วิธีในการติดเม็ดเข้ากับวัสดุรองหลังต่าง ๆ เป็นที่รู้จักกันว่า เคลือบปิด และ เคลือบเปิด

• เคลือบปิด (Close Coat) คือ พื้นผิวจะถูกปกคลุมอย่างหนาแน่นด้วยเม็ดที่มากที่สุดที่วัสดุขัดถูจะสามารถยึดไว้ได้ กระดาษทราย “เคลือบปิด” ถูกใช้ในการขัดโลหะแข็งและวัสดุทุกชนิด
• เคลือบเปิด (Open Coat) คือ เม็ดจะถูกติดอย่างเรียบ ๆ แต่เปิดสู่พื้นผิว ดังนั้น โดยการมองไปที่พื้นผิวของกระดาษทราย ซึ่งจะเห็นวัสดุขัดถูมากเท่า ๆ กับเม็ด วัตถุประสงค์คือ เพื่อจัดหาพื้นที่เปล่าหรือเปิดระหว่างเม็ดขัดถู ซึ่งในเม็ดจะมีความสามารถในการตัดอยู่จนกระทั่งจำนวนของเม็ดจะลดลง ดังนั้น “การเคลือบเปิด” จะไม่อุดตันหรือฝังตัวเหมือนกับการ “เคลือบเปิด” 

4) สารยึดเกาะ (Bonds)

สำหรับผลิตภัณฑ์ขัดถูเคลือบ (กระดาษทรายและผ้าทราย) ทั้งกาวหรือเรซิ่นสังเคราะห์ถูกใช้ให้เป็นการยึดเกาะหรือผลิตภัณฑ์ขัดถูตามคุณสมบัติที่สัมพันธ์กัน เพื่อผูกเม็ดทรายเข้ากับกระดาษ ผ้า ไฟเบอร์ และวัสดุรองหลังผสม แต่ละตัวมีบทบาทที่สำคัญในอุตสาหกรรมขัดถูเคลือบ บางชิ้นถูกติดกับกาวเป็นพิเศษ ส่วนชิ้นอื่น ๆ ติดกับส่วนผสมของกาวและเรซิ่น (เรซิ่นอยู่เหนือกาว) ส่วนชิ้นอื่น ๆ ก็ยังคงติดอยู่กับเรซิ่นเป็นพิเศษ

• กาว (Glue) เป็นกาวจากสัตว์ที่ผ่านกระบวนการพิเศษซึ่งมีธรรมชาติในการกันน้ำได้น้อยกว่าเรซิ่น จะถูกใช้ในที่ซึ่งต้องการผลิตภัณฑ์ขัดถูเคลือบที่ยืดหยุ่น ผลิตภัณฑ์ขัดถูเคลือบ ฟลินท์และการ์เน็ทส่วนใหญ่มาจากการยึดเกาะ
• เรซิ่น (Resin) โดยทั่วไปจะเป็นเรซิ่นสังเคราะห์ ส่วนใหญ่จากกลุ่มฟินอลิคเมลามีน, โพลีเอสเตอร์, อีพ็อกซี่ มีคุณสมบัติในด้านความแข็งที่สูงกว่า กันน้ำดีกว่า และยืดหยุ่นที่ดีกว่า ซึ่งถูกใช้กันอย่างกว้างขวางที่สุดในผลิตภัณฑ์ขัดถู

ชนิดของกระดาษทราย

การเลือกกระดาษทรายเพื่อให้เหมาะสม หรือถูกประเภทกับงานขัดประเภทต่าง ๆ เช่น งานขัดไม้ งานขัดเหล็ก งานขัดสีรถยนต์ เป็นปัจจัยที่สำคัญต่ออายุการใช้งานของกระดาษทราย โดยกระดาษทรายแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้

1) กระดาษทรายขัดแห้ง

ใช้ได้แค่กับงานแห้งเท่านั้นห้ามใช้น้ำร่วมด้วย เนื่องจากจะทำให้กระดาษทรายเสียและขาดรุ่ยได้ กระดาษทรายประเภทนี้เหมาะกับการใช้ในงานเฟอร์นิเจอร์ไม้ ขัดสี ขัดผิวโบหะเคลือบ เป็นต้น กระดาษทรายขัดแห้งมีหลายรูปแบบ เช่น แบบแผ่นกลม แผ่นสี่เหลี่ยม แบบม้วน ตามแต่ความเหมาะสมของการใช้งาน สามารถใช้มือขัด หรือใช้เครื่องขัดก็ได้เช่นกัน

• ขัดหยาบ เป็นการขัดลบรอยจากเครื่องมือ ให้ใช้เบอร์ 120 แต่หากผิวหยาบมากให้ใช้ 80 ก่อนจึงตามด้วย 120
• ขัดเรียบ เป็นการขัดที่ลดรอยกระดาษทรายจากขั้นตอนแรก ให้ใช้เบอร์ 180 สำหรับงานที่ไม่ต้องการความละเอียดมาก แต่หากเป็นงานเฟอร์นิเจอร์ควรขัดละเอียดต่อไปอีก
• ขัดละเอียด เป็นการขัดที่ทำให้พื้นผิวราบเรียบจนมองไม่เห็นรอยกระดาษทรายให้ใช้เบอร์ 240
• การขัดผิวสีเคลือบ ให้ขัดด้วยเบอร์ 320
• ใช้สำหรับขัดไม้ เป็นแผ่นขนาด A4 มีเบอร์ที่นิยมอยู่ 0-5 เบอร์เบอร์ยิ่งมากก็ยิ่งหยาบ กระดาษทรายชนิดนี้ใช้กันมานานมากแล้วเนื้อทรายจะไม่หนามากตัวกระดาษทรายจะอ่อนกว่าไม่สามารถขัดร่วมกับน้ำได้
• ใช้กับงานขัดไม้ นิยมขายเป็นม้วน แบ่งขายเป็นเมตร ตัดแบ่งขายเพื่อใช้ใส่กับเครื่องขัดสั่น หรือจะขัดกับมือก็ได้ มีเบอร์ที่หยาบจนถึงละเอียด และให้เนื้อกระดาษทรายมากกว่าแบบแผ่นสีเหลือง เนื้อกระดาษแข็งกว่า มีเนื้อทรายมากกว่า
• ใช้กับเครื่องขัดสายพาน (รถถัง) มีเบอร์หยาบจนถึงละเอียด ที่นิยมได้แก่ 60-80-100-120 เป็นต้น ยิ่งเบอร์มากจะให้ความละเอียดของกระดาษทรายมาก

2) กระดาษทรายน้ำ

เป็นกระดาษทรายที่มีความละเอียดมากว่ากระดาษทรายขัดแห้ง สามารถใช้งานได้ทั้งขัดน้ำและขัดแห้ง กระดาษทรายน้ำจะมีความเหนียวทนทาน ไม่เปื่อยยุ่ยง่ายเมื่อเจอน้ำ ก่อนการใช้งานต้องนำไปชุบน้ำให้เปียกก่อน และกระดาษทรายน้ำต้องเปียกน้ำตลอดเวลาในขณะที่ใช้งาน หากเริ่มแห้ง ต้องนำไปชุบน้ำให้เปียกแล้วจึงนำมาใช้งานต่อ เหมาะสำหรับงานขัดสีรถขัดโลหะ ขัดสีรถยนต์ งานไม้ หรืองานเฟอร์นิเจอร์

• ใช้กับงานสีที่ขัดกับน้ำ โดยใช้น้ำเป็นตัวช่วยในการคายเศษผงขัด ส่วนตัวกระดาษทรายก็ทนกับน้ำได้อย่างดี มีการแบ่งเบอร์ตามลักษณะการทำงาน เช่น 180-220-240-280-320-400-600 เป็นต้น ยิ่งเบอร์มากขึ้นก็ยิ่งจะมีความละเอียดของผิวกระดาษทรายมากขึ้น
• ใช้กับการขัดแลคเกอร์หรือยูรีเทน จะเป็นการขัดที่รักษาผิวไม่เป็นรอยลึก และขัดง่าย จะมีลักษณะของเนื้อทรายที่ผสมสารชนิดหนึ่งที่ทำให้การขัดสีทำได้ง่าย สีหลุดไม่จับกระดาษทราย มีการแบ่งเบอร์ตามลักษณะการใช้งาน เช่น 180-220-240-280 เป็นต้น ยิ่งเบอร์มากขึ้นก็ยิ่งจะมีความละเอียดของผิวกระดาษทรายมากขึ้น

ประโยชน์ของ กระดาษทราย ในการเพิ่มการยึดเกาะของการทาสี

• ช่วยกำจัดคราบฝุ่น สิ่งสกปรกเล็ก ๆ บนพื้นผิว จากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดให้เรียบร้อย ซึ่งคราบผง คราบฝุ่นต่าง ๆ เหล่านี้เป็นตัวการหลักที่ทำให้การยึดเกาะของสีไม่มีประสิทธิภาพ เพราะแทนที่สีทับหน้าจะไปยึดเกาะกับพื้นผิว แต่กลับไปยึดเกาะกับคราบผง คราบฝุ่นผงแทน
• เมื่อเวลาผ่านไป คราบฝุ่นผงก็จะหลุดออกไปพื้นผิวไปพร้อมกับสีที่ทาทับหน้า ทำให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง การใช้กระดาษทรายขัดที่พื้นผิวก่อนทำการทาสีจะเป็นการช่วยเพิ่มรอยหยักเล็ก ๆ ที่เรามองไม่เห็น โดยแนะนำให้ใช้กระดาษทรายเบอร์ 200 – 600
• การเพิ่มรอยหยักบนพื้นผิวเล็ก ๆ ที่ตามองไม่เห็น มีส่วนช่วยอย่างมากในการเพิ่มพื้นที่ผิวสัมผัสในการยึดเกาะของสีทับหน้า ซึ่งมีส่วนช่วยให้สีทับหน้ายึดเกาะดีขึ้น 20 – 30%

???? นอกจากลักษณะรูปร่างของ กระดาษทราย เป็นสิ่งสำคัญที่เราควรพิจารณา เพื่อให้สามารถตอบโจทย์งานของเราได้ดีที่สุด เช่น กระดาษทรายกลม เป็นกระดาษทรายที่ใช้กับเครื่องขัดลม และเครื่องขัดกระดาษทรายแบบไฟฟ้า ไม่เหมาะกับงานขัดด้วยมือ กระดาษทรายม้วน เหมาะสำหรับนำไปฉีกใช้ หรือแบ่งใช้ สามารถใช้ได้กับงานที่เป็น งาน D.I.Y. จนกระทั้งงานการผลิตขนาดใหญ่ เป็นต้น

ดังนั้น เราจะเห็นได้ว่า การเลือกกระดาษทรายมีอะไรมากกว่า ที่เราคิด !! เราควรเลือกกระดาษทรายให้ตรงตามความต้องการของงานขัดของเราด้วย ???? >>สามารถติดตามบทความต่าง ๆ ของ KACHA ได้ตามนี้เลย<<