เช็กให้ชัวร์ ตรวจรับคอนโด ก่อนรับโอน ไม่ให้เสียเงินเพิ่ม ต้องรู้อะไรบ้าง?

สำหรับใครหลาย ๆ คน ที่ต้องการซื้อคอนโด จะต้องรู้ไว้ก่อนรับโอนคอนโด เพื่อป้องกันปัญหา ที่อาจทำให้เกิดการเสียเงินเพิ่มได้ บทความนี้ KACHA ข้อควรรู้ ก่อน ตรวจรับคอนโด จะมีอะไรที่ต้องเช็กบ้าง ตามไปดูกันเลย

ข้อควรรู้ก่อน ตรวจรับคอนโด ทำได้อย่างไร?

การตรวรรับคอนโดก่อนโอนนั้น สามารถตรวจสอบได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเองได้ ดังนี้

1) อุปกรณ์สำหรับตรวจรับคอนโด

กระดาษ กระดาษโพสอิท สำหรับจดรายการที่ต้องซ่อมแซม และเอาไว้แปะจุดที่ต้องแก้ไข
ไขควงวัดไฟ สำหรับเช็คไฟรั่ว
เหรียญ สำหรับตรวจเคาะพื้น เคาะกระเบื้อง
ถังน้ำ สำหรับใส่น้ำ เพื่อเทเช็คระดับของพื้น เช่น ระเบียง หรือห้องน้ำ
ถุงมือและถุงเท้า สำหรับตรวจสอบพื้นห้อง และผนังห้อง
ลูกแก้ว สำหรับตรวจสอบพื้นห้อง เพื่อดูความลาดเอียง พื้นไม่เสมอ หรือเป็นหลุม
กล้องถ่ายรูป หรือกล้องโทรศัพท์มือถือ สำหรับถ่ายรูป เพื่อเก็บเป็นหลักฐาน

2) ตรวจสอบผนังห้อง และบัวผนังห้อง

เช็กความเรียบของผนัง การบวมปูดของปูน ว่าฉาบเรียบดีไหม มีขี้ปูนติดอยู่หรือไม่ หรือผนังก่อได้มาตรฐานดีไหม
หากผนังทาสี เช็กดูว่า สีเรียบเนียนดีไหม ควรทาสีให้ครบ 2-3 รอบ
หากผนังติด Wall paper เช็กดูว่า ติดสนิทดีไหม มีรอยฉีกขาด คราบเลอะหรือไม่ กรณีมีการฉีกขาด ควรติดใหม่ทั้งแผ่นดีกว่า
สำหรับบัวผนัง ตรวจเช็กว่า ติดตั้งได้แนบสนิท ติดแน่น เข้ามุมกับผันงไหม โดยจะต้องเป็นมุม 45 องศาเซลเซียส
บัวผนัง หากมีการทาสี ตรวจดูว่าสีเรียบเนียนดีไหม

3) ตรวจสอบพื้นห้อง

ลองสำรวจโดยการเดินไปรอบ ๆ สังเกตุว่ามีจุดไหนยวบ เป็นหลุมไหม โดยให้เดินด้วยเท้าเปล่า และเดินแบบลากเท้า
สำหรับพื้นลามิเนต พื้นจะต้องเรียบได้ระดับเท่ากัน ไม่โก่งบวม ไม่แตก หรือบิ่น และเป็นร่องให้เห็นได้ชัด
สำหรับพื้นกระเบื้อง ต้องไม่แอ่น หรือแตก และเช็กการปูกระเบื้องได้ว่าปูแบบไหน ใช้เหรียญเคาะ ๆ จะได้ยินเสียงที่ไม่เต็มของปูน ให้สันนิษฐานได้เลยว่า เป็นการปูกระเบื้องแบบซาลาเปา คือ เอาปูนแปะตรงกลางแผ่นกระเบื้อง แล้วแปะเป็นผนังเลย
สำหรับการเช็กระนาบของพื้น ให้นำลูกแก้วโยนที่พื้นบริเวณรอบ ๆ ถ้าได้ระนาบลูกแก้วจะกระจายตัวไปทั่ว ๆ พื้นห้อง ไม่กระจุกตัวเป็นแอ่ง

4) ตรวจสอบประตู ประตูเลื่อน และหน้าต่าง

ประตูห้องที่เป็นไม้ ตรวจเช็กว่าเปิด-ปิด ติดขัดไหม มีเสียงดังเวลาเปิด-ปิดหรือไม่ และทาสีเรียบร้อยดีไหม
ตรวจเช็ก การเปิด-ปิดหน้าต่าง กลอนที่ใช้ล็อกหน้าต่าง ใช้งานได้ปกติ ฝืด หรือปิดแล้วไม่ลงล็อกหรือไม่
ลูดบิกประตูจะต้องปิดได้ลื่น ไม่ติดขัด
ประตูห้องน้ำ ควรมีการทาสีที่สันด้านบนของประตูด้วย เพื่อป้องกันความชื้น
ประตูเลื่อน เช็กการเปิด-ปิด ว่าเลื่อนได้ดีไหม ซิลิโคนยาแนว อัดแน่นดีไหม
อย่าลืมตรวจสอบรางเลื่อน สำหรับประตูเลื่อนว่ามีช่องว่า ระบายน้ำ จาก frame อะลูมิเนียม และน้ำขังบานรางเลื่อนไหม

5) ตรวจสอบเฟอร์นิเจอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่แถมมา

เครื่องปรับอากาศ สามารถใช้งานได้หรือไม่ มีน้ำรั่วซึมช่องแอร์ไหม แอร์เปิดแล้วมีเสียงดังไหม
เครื่องระบายอากาศในห้องน้ำ พัดลมทำงานไหม
ที่ระบายควันตรงเคาน์เตอร์ครัว ต้องดูว่าใช้งานได้หรือไม่
ตรวจเช็กความเรียบร้อย ของตู้บิลท์อิน หรือเฟอร์นิเจอร์ที่แถมมา ว่ามีการชำรุด เสียหายหรือไม่

6) ตรวจสอบงานระเบียง

ลองเทน้ำลงพื้นระเบียงว่ามีน้ำขังบนพื้นหรือไม่ หากมีน้ำขัง แสดงว่า มีการวาง slope กระเบื้องผิด สามารถแจ้งโครงการเพื่อปรังปรุงทันที
ลองเคาะกระเบื้องทั้งหมดว่า ร่อน หรือเป็นโพรงไหม

7) ตรวจสอบระบบไฟฟ้า

เช็กความเรียบร้อย เช็กฝ้าเพดาน ตรวจสอบระบบเดินสายไฟ ว่ามีการร้อยท่อเดินสายไฟ มีการปิดกล่องไฟเรียบร้อยดีหรือไม่
ใช้อุปกรณ์ตรวจสอบ หรือไขควงไฟฟ้าเสียบเพื่อทดสอบว่า ระบบไฟมีปัญหาหรือไม่ ลองเสียบทุกปลั๊กว่าใช้งานได้ไหม
ส่วนช่องเสียบโทรศัพท์ สามารถนำโทรศัพท์จริงไปลองได้เลย หรือยืมอุปกรณ์จากช่างก็ได้
ช่องเสียโทรทัศน์ ช่องสัญญาณ Network ต่าง ๆ สามารถให้โครงการ นำ TV มาทดสอบ หรือให้ช่างนำอุปกรณ์ตรวจสอบได้

8) ตรวจสอบระบบน้ำ

มิเตอร์น้ำ ตรวจสอบว่ามิเตอร์น้ำ มีการหมุนโดยที่ยังไม่ได้ใช้งานหรือไม่
สำหรับห้องน้ำ ตรวจสอบแรงดันน้ำของก๊อกน้ำ ฝักบัว การรั่วซึม ความลาดเอียงของพื้นในห้องน้ำ เพื่อระบายน้ำลงท่อได้สะดวก ไม่ท่วมขัง รวมถึงชักโครกว่าตัน หรือมีกลิ่นหรือไม่
ส่วนซักล้าง ตรวจสอบระบบท่อน้ำต่าง ๆ ว่ามีรอยแตก รั่วซึม และมีการต่อท่อไปบ่อพักหรือไม่ โดยสังเกตจากการราดน้ำไปแล้วมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ไหม
ตรวจเช็กระบบน้ำซิงค์ล้างจานด้วยว่า ใช้งานได้ดีหรือไม่ และมีรอยรั่วของน้ำตรงใต้ซิงค์หรือไม่

ตรวจรับคอนโดดีอย่างไร?

สร้างความปลอดภัยในการอยู่อาศัย เช่น ระบบไฟฟ้า ระบบประปา และระบบสุขาภิบาล ก่อนเข้าอยู่
ป้องกันการถูกเอาเปรียบ หากมีการสร้าง หรือตกแต่งที่ไม่ดี สามารถโครงการเพื่อแก้ไขให้ตรงตามสเป็กที่คุยไว้ตั้งแต่แรกได้
ช่วยลดความยุ่งยากในการแก้ไข และซ่อมแซมก่อนเข้าอยู่จริง เพราะเมื่อย้ายเข้าไปอยู่แล้ว การแก้ไขจะยุ่งยากมากกว่าเดิม
การตรวจรับคอนโดก่อนเข้าอยู่ สามารถทำได้ด้วยตัวเอง หรือจะจ้างบริษัท หรือผู้เชี่ยวชาญได้

อย่างไรก็ตาม กรณีที่โครงการอยากเร่งโอนคอนโดเพื่อทำยอด มักจะมีโปรโมชั่น โอนก่อน ตรวจทีหลัง แล้วให้ช่างมาตามเก็บทีหลัง กรณีเช่นนี้ หลาย ๆ ครั้งจะมีปัญหา โอนกรรมสิทธิ์เรียบร้อยแล้ว ช่างไม่มาซ่อมให้ ไม่มีช่าง หรือการซ่อมล่าช้า แนะนำว่า ตรวจรับให้เรียบร้อยก่อนเซ็นรับ

จ้างสถาปนิกตรวจรับคอนโด บ้าน และทาวน์โฮม เสียค่าใช้จ่ายเท่าไร?

สำหรับใคร ที่ไม่มีความรู้เรื่องการตรวจรับคอนโดน ตรวจรับบ้านก่อนโอน อาจจำเป็นต้องเตรียมเงินที่เหลือจากการซื้อคอนโด ส่วนหนึ่ง เพื่อจ่ายให้สถาปนิก แนะนำให้ดูตารางค่าใช้จ่ายในการตรวจรับบ้านและคอนโด โดยส่วนใหญ่ จะนิยมตรวจบ้าน 3 ครั้ง บางสถาปนิกจะตั้งราคาแยกเป็นครั้ง ๆ หรือเหมาจ่าย ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และรายละเอียดของแต่ละบริษัทตรวจรับบ้าน ดังนี้

คอนโด

ครั้งที่ 1 – เริ่มต้น 2,000 – 4,000 บาท
ครั้งที่ 2 – เริ่มต้น 1,000 บาท
ครั้งที่ 3 – เริ่มต้น 1,000 บาท

ทาวน์โฮม

ครั้งที่ 1 – เริ่มต้น 4,000 – 5,000 บาท
ครั้งที่ 2 – เริ่มต้น 1,000 บาท
ครั้งที่ 3 – เริ่มต้น 1,000 บาท

บ้าน

ครั้งที่ 1 – เริ่มต้น 4,000 – 7,000 บาท
ครั้งที่ 2 – เริ่มต้น 1,000 บาท
ครั้งที่ 3 – เริ่มต้น 1,000 บาท

อย่างไรก็ตาม ราคาของการตรวจรับคอนโด บ้าน ทาวน์โฮม สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามพื้นที่ใช้สอย และรายละเอียด เงื่อนไขของสถาปนิกด้วย

เรียกได้ว่า การตรวจรับคอนโด ถือเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก ๆ เพื่อป้องกัน และเป็นการรักษาสิทธิ์ของผู้ซื้อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นในภายหลังเมื่อโอนแล้ว จึงควรดูให้ดี เพราะแก้หรือซ่อมในภายหลังจะยุ่งยากสุด ๆ ดีไม่ดีอาจจะต้องควักเงินจากกระเป๋าตัวเองมาซ่อมห้องซึ่งไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ดังนั้นหากเป็นไปได้การตรวจรับคอนโดจึงต้องพิถีพิถันเป็นพิเศษ

บทความดี ๆ น่าอ่าน:

KACHA ผู้จัดจำหน่าย รอกโซ่ รอกโซ่มือสาว เครนยกของ และอุปกรณ์เสริมสำหรับงานช่าง ต่าง ๆ ราคาจับต้องได้ สินค้าคุณภาพ บริการหลังการขายที่ประทับใจ นอกจากนี้ บริษัทของเรา ยังมีบริการรับ สร้างโกดัง สร้างโรงงาน สร้างคลังสินค้าต่าง ๆ จากช่างมืออาชีพที่มีประสบการณ์ การันตีผ่านมาตรฐานก่อสร้าง และความปลอดภัยต่าง ๆ เข้าชมเว็บไซต์ www.kacha.co.th