“ผ้าม่าน” กับคุณสมบัติควรรู้ ก่อนจะนำเอาไปใช้งาน
เมื่อพูดถึง “ผ้าม่าน” เชื่อว่าแทบทุกบ้านจะต้องมี นอกเหนือจากหน้าที่หลักของม่านที่ช่วยปกป้องแสงแดด และช่วยให้ความเป็นส่วนตัวแล้ว ผ้าม่านยังช่วยสร้างบรรยากาศแบบต่าง ๆ ได้ เช่น บรรยากาศแบบอ่อนโยน แบบเคร่งขรึม แบบสดใส แบบโมเดิร์น และที่สำคัญ คือ ช่วยสร้างทัศนียภาพที่สวยงามให้บ้านอีกด้วย
ตาม KACHA ไปทำความรู้จักกับผ้าม่าน ว่ามีคุณสมบัติ และวิธีการเลือกใช้อย่างไรให้เหมาะสมกัน!
การเลือกผ้าม่าน ให้เหมาะกับห้อง
ปัจจุบัน ผ้าม่านมีหลากสีสัน หลายขนาด และมีแพทเทิร์นแตกต่างกัน จนบางครั้งผู้ใช้งานมักเกิดความสับสนว่าแต่ละพื้นที่ควรต้องเลือกใช้ผ้าม่านแบบใด และจะสามารถเลือก รูปแบบผ้าม่าน ชนิดของผ้าม่าน ให้ตรงกับความต้องการได้อย่างไร การเลือก และวัดขนาดผ้าม่านนั้นไม่ใช่เรื่องยาก มีขั้นตอน ดังนี้
- ศึกษาผัง และภาพรวมของห้อง เพื่อให้ผ้าม่านที่เลือกมีความกลมกลืน และเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับบรรยากาศภายในห้อง
- เข้าใจลักษณะการใช้งาน และความต้องการของผู้อยู่อาศัย เช่น หากผู้ใช้งานชื่นชอบความสะดวกสบาย สามารถใช้ผ้าม่านระบบมอเตอร์ ที่ช่วยควบคุมการเปิด-ปิดของม่านได้ หรือหากชอบความทึบแสง สามารถเลือกใช้ผ้าม่าน Black Out ตรงกันข้าม หากชอบความโปร่งแสง ควรเลือกเป็นม่านโปร่ง เป็นต้น รวมทั้งควรคำนึงเรื่องสัดส่วน พื้นที่ให้เหมาะสมกับความต้องการด้วยเช่นกัน
- วัดขนาด ความกว้าง-สูง ของขนาดหน้าต่าง ที่ต้องการติดตั้งผ้าม่าน ในกรณีที่ต้องการให้ม่านคลุมหน้าต่าง เพื่อลดแสงลอดจากด้านข้าง ควรเผื่อขนาดม่านด้านข้าง ส่วนด้านบน และด้านล่างของหน้าต่าง สามารถวัดเผื่อได้เช่นกัน เพราะนอกจากจะช่วยลดแสงลอดแล้ว ยังเผื่อไว้สำหรับระยะเก็บม่านได้ด้วย
- กรณีที่ต้องมีการใช้มือดึง เพื่อควบคุมการทำงานของผ้าม่าน ควรกำหนดด้านดึง ที่สะดวกต่อการใช้งาน เช่น ระบบโซ่ดึง ที่เลือกได้ทั้งด้านซ้าย และขวา โดยดูตามความเหมาะสม และทิศทางการเปิดรับทิวทัศน์จากภายนอก
- หลังจากที่เลือกคอนเซ็ปต์ผ้าม่านที่ต้องการแล้ว ให้มาลงรายละเอียดของสี ลวดลาย เนื้อผ้า ให้ได้ตามความสวยงามที่ต้องการ
สำหรับสิ่งที่ต้องคำนึงถึงใน การเลือกผ้าม่าน นั้น มีอยู่ 3 จุดหลัก ๆ ได้แก่ Function, Emotion และ Budget นั้นเอง
ชนิดของผ้าม่าน มีแบบไหนบ้าง?
ชนิดของผ้าม่านที่นิยมใช้กันทั่วไป แบ่งออกเป็น 7 ประเภท ได้แก่
1. ผ้าม่าน
ความโดดเด่นของผ้าม่าน คือ ความทึบแสง ซึ่งหมายถึงความสามารถในการบดบังแสงแดด นอกจากนี้ ยังสามารถปรับการใช้งานผ้าม่านได้หลากหลายรูปแบบ ให้ตรงกับความต้องการ รวมทั้งใช้งานได้หลายส่วน เช่น ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร แต่ที่นิยมใช้กันมากที่สุด คือ ห้องนอน นั่นเอง
2. ม่านม้วน
โดดเด่นในเรื่องของดีไซน์ ที่มีความเรียบง่าย มินิมอล ขณะเดียวกันมีความทันสมัย ดูแลรักษาง่าย ราคาย่อมเยากว่าในอดีต เมื่อพับเก็บขึ้นก็จะเห็นวิวภายนอกได้อย่างเต็มที่ ให้ความรู้สึกโปร่ง โล่ง และยังใช้พื้นที่น้อย ไม่เกะกะพื้นที่ใช้งานภายในห้อง นิยมใช้ภายในออฟฟิศ และ Public Area เช่น ล็อบบี้โรงแรม หรือพื้นที่ Open Space อีกทั้งยังใช้งานสะดวก เนื่องจากม่านม้วนนั้น ทำความสะอาดง่าย ไม่เก็บฝุ่น
3. ม่านพับ
เพิ่มความนุ่มนวล และผ่อนคลายให้ห้องด้วยความพลิ้วไหวของผ้าที่เป็นวัสดุหลัก นิยมใช้เป็นเซตคู่กันกับผ้าม่าน โดยจะแยกการใช้งานระหว่างหน้าต่างบานใหญ่ และบานเล็ก นับเป็น 2 องค์ประกอบที่ช่วยเสริมกันได้อย่างลงตัว หรือจะใช้ม่านพับกับหน้าต่างบานใหญ่ และเล็กภายในห้องเดียวก็สามารถทำได้เช่นกัน
4. มู่ลี่
ที่นิยมใช้กันคือ มู่ลี่ไม้ และ มู่ลี่อะลูมิเนียม โดยทั้ง 2 วัสดุ จะสร้างบรรยากาศภายในห้อง และให้ความรู้สึกแตกต่างกัน หากเป็นมู่ลี่ไม้ มักใช้ภายในบ้าน ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย เข้าถึงธรรมชาติได้ด้วยไม้ ที่เป็นวัสดุจากธรรมชาติ ส่วนมู่ลี่อะลูมิเนียม มักใช้กับงานออฟฟิศ ซึ่งเน้นไปที่ฟังก์ชันการใช้งาน ความคงทน แข็งแรง ทั้งยังติดตั้งรวดเร็ว และราคาย่อมเยา
จุดประสงค์หลักของการใช้งานมู่ลี่ คือ เพื่อการเปิด-ปิดรับแสงภายในห้อง เลือกปริมาณแสงเข้าออกได้จากการพลิกใบนั่นเอง
อ่านบทความ: รู้จักกับประเภท มู่ลี่ เลือกแบบไหนให้ตอบโจทย์การใช้งาน
5. ม่านพลีท
โดดเด่นในเรื่อง การประหยัดพื้นที่ติดตั้ง พับเก็บ และใช้งานสะดวก ด้วยรูปลักษณ์ที่แบน ให้ความรู้สึกนุ่มนวล และมีลูกเล่นด้วยดีไซน์ฟันปลาของตัวม่าน เพิ่มความอ่อนโยน และเติมมิติให้ห้องได้อย่างน่าสนใจ แต่มีข้อควรระวังในเรื่องการใช้งาน เนื่องจากตัววัสดุค่อนข้างบอบบาง พลีทอาจแตกได้ง่ายนั่นเอง
6. ม่านปรับแสง
มีฟังก์ชันการใช้งานเช่นเดียวกับมู่ลี่ แต่จะมีทิศทางตรงกันข้าม โดดเด่นด้วยดีไซน์เรียบง่าย ใช้งานด้วยการพลิกใบซ้าย-ขวา เพื่อเปิดรับแสง นิยมใช้ในออฟฟิศเช่นเดียวกับมู่ลี่อะลูมิเนียม เนื่องด้วยราคาที่ไม่สูงนัก
7. ฉากกั้นห้อง
โดดเด่นด้วยความสะดวกสบายในการติดตั้ง สามารถติดตั้งได้ง่าย และรวดเร็วโดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้างหลัก มีความยืดหยุ่นในการใช้งาน หากต้องการเปิดเพื่อกั้นพื้นที่ ก็ทำได้อย่างง่ายดาย เมื่อไม่ต้องการใช้งานก็พับเก็บได้สะดวก ประหยัดพื้นที่ มีข้อดี คือ ช่วยกั้นแอร์ และลดเสียงเล็ดลอดได้อีกด้วย ส่วนใหญ่นิยมใช้กั้นพื้นที่ภายในบ้าน และคอนโด เช่น กั้นโซนรับประทานอาหาร กับห้องรับแขก หรือกั้นระหว่างห้องนอน และห้องนั่งเล่น เป็นต้น
เมื่อเห็นถึงหลัก การเลือกผ้าม่าน ให้เหมาะกับความต้องการกันไปแล้ว จะเลือกใช้งานกันอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับเจ้าของบ้านเอง และควรเลือกใช้ให้เหมาะสมด้วย เพื่อการใช้งานที่ยาวนานนั่นเอง