ปลั๊กไฟ

❝ เมื่อพูดถึง ???? อีกหนึ่งอุปกรณ์ประจำบ้าน คือ ปลั๊กไฟ มีความสำคัญไม่แพ้เครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ รวมถึงปลั๊กพ่วง ที่ต้องเลือกใช้งานให้เหมาะสม ปลั๊กไฟ ปลั๊กพ่วง เป็นอุปกรณ์สำหรับต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า ไปใช้งานทั้งภายใน และภายนอกบ้าน ที่ต้องมีติดบ้านมากกว่า 2 อันแน่นอน เพราะเต้ารับภายในบ้าน อาจไม่เพียงพอกับการใช้งานจริง หรือตำแหน่งเต้ารับไม่สอดคล้องกับจุดที่ต้องการใช้ เช่น ต่อกับทีวี ไมโครเวฟ โน้ตบุ๊ก รวมไปถึงเราเตอร์ (Router) กลายอุปกรณ์เชื่อมต่อที่ผู้คนในยุคนี้มักขาดไม่ได้ไปเสียแล้ว ❞

…………………………………………………..


การเลือกซื้อปลั๊ก ปลั๊กพ่วง รางปลั๊กไฟที่ถูกวิธีนั้น จะต้องมองหลายปัจจัยด้วยกัน จุดสำคัญคือ เรื่องคุณภาพ แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่มักจะมุ่งเน้นแต่เรื่องราคา เพราะวัตถุประสงค์ในการใช้งาน เพียงแค่เสียบเครื่องใช้ไฟฟ้า ให้ใช้งานได้แค่นั้น แต่เหนือสิ่งอื่นใด ความปลอดภัยในชีวิต ต้องเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเรื่องไฟฟ้ามีทั้งข้อดี และมีโทษเช่นเดียวกัน

201223-Content-เรื่องที่ต้องรู้-ก่อนซื้อปลั๊กไฟ-02


ปลั๊กไฟ ปลั๊กพ่วงที่ดี จะต้องมีสายไฟที่ดี เต้าเสียบที่ดี วัสดุที่ไม่ติดไฟ และยังมีเรื่องแผงวงจรภายใน ซึ่งบางทีเราดูจากภายนอกอาจจะไม่เห็น แต่อาจใช้วิธีเขย่าเพื่อฟังเบื้องต้น ถ้ามีเสียงตอนเขย่า อาจเป็นสาเหตุจาก ตะกั่วบัดกรีนั้นไม่ดี ทำให้หลุดออกมา และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ด้วยตะกั่วบัดกรีที่หลุดชิ้นนั้น

วัสดุคุณภาพนั้นโดยทั่วไป วัตถุที่นำไฟฟ้าได้ดีที่สุด ไม่ใช่เงิน แต่คือทองแดงนั่นเอง ค่าตามวิทยาศาสตร์ของตัวนำไฟฟ้าคืออะไร?

เงิน 106/108, ทองแดง 100/100, ทอง 72/76, อะลูมิเนียม 62/56, แมกนีเซียม 39/41, สังกะสี 29/29, นิกเกิล 25/15, แคดเมียม 23/24, โคบอลต์ 18/17, เหล็ก 17/17, เหล็กเหนียว 13-17/13-17, แพลทินัม 16/18, ดีบุก 15/17, ตะกั่ว 8/9, พลวง 4.5/5

ทองแดงมีค่าการนำไฟฟ้าที่ 100% มาเปรียบเทียบระหว่างตัวอื่น ๆ ว่าอะไรที่นำไฟฟ้าดีกว่ากัน?

ตารางค่าการนำไฟฟ้า IACS (Electrical Conductivity) 

เงิน (Silver) 106%
ทองแดง (Copper) 100%
ทองแดงผสม (Copper Alloys) 90%
อะลูมิเนียม (Aluminum) 65%
ทองเหลือง (Brass Alloys) 27%
เหล็ก (Steel) 10%


ดังนั้น วัตถุที่เหมาะกับการทำปลั๊กไฟ ปลั๊กพ่วงที่ดีที่สุดต้อง ทำจากทองแดง รองลงมาจากนั้นจะใช้เป็นทองเหลืองกัน ทองเหลืองคือส่วนผสมระหว่างทองแดงกับสังกะสี แต่ ปลั๊กไฟ ปลั๊กพ่วงที่ไม่มีคุณภาพ จะนำเหล็กชุบสีมาใช้แทน ถ้าวัตถุที่นำไฟฟ้าไม่ดี จะทำให้เกิดความร้อนสะสม และอาจทำให้เกิดอันตรายได้ ถ้ามีการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีการใช้งานมากเกินไป พอความร้อนสะสมเกิดขึ้นในแผงวงจร วัสดุที่ใช้ดันเป็นพลาสติกอาจจะทำติดไฟได้

คำเตือน หากเป็นปลั๊กพ่วงคุณภาพต่ำ มักจะใช้เหล็กชุบสี เพื่อหลอกให้เข้าใจว่าเป็นทองเหลือง มีค่าการนำไฟฟ้าเพียงแค่ 10% IACS เท่านั้น ทำให้เกิดความร้อนสะสม จนอาจก่อให้เกิดอัคคีภัยในที่สุด ⛔


เลือกปลั๊กไฟ ปลั๊กพ่วงให้ถูกและใช้ให้เป็น ต้องดูอะไรบ้าง?

201223-Content-เรื่องที่ต้องรู้-ก่อนซื้อปลั๊กไฟ-03


1. สายไฟ

เลือกสายไฟที่มีเครื่องหมายมอก. หรือมาตรฐานของ IEC มีสายไฟภายใน 3 เส้น และมีฉนวนหุ้มทั้งสองชั้น เพื่อป้องกันการหักงอ หรือถูกของมีคมทำให้สายไฟชำรุด มีความยาวที่เหมาะสมกับการใช้งานอาทิ 3 เมตร หรือ 5 เมตร และควรมีขนาดสายไฟไม่ต่ำกว่า 0.824 ตารางมิลลิเมตร หรือสายเบอร์ 18 (AWG) เพื่อรองรับโหลดกระแสไฟได้สูงหน่อย หากต้องใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าหลายอย่างในเวลาเดียวกัน (สายไฟที่มีขนาดใหญ่ขึ้น สามารถรองรับกระแสไฟได้ดีกว่า)

2. เต้าเสียบ, หัวปลั๊ก

ควรเลือกเต้าเสียบ หรือหัวปลั๊กขากลมแทนขาแบน เพราะเป็นมาตรฐานมอก. ของประเทศไทย และมีฉนวนหุ้มที่โคนขาปลั๊กทั้งสองขา เพื่อป้องกันไม่ให้นิ้วสัมผัสขาปลั๊กที่มีไฟ

3. เต้ารับ

ขาเต้ารับซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผงวงจรภายใน ควรทำจากทองเหลือง หรือทองแดง เพราะนำไฟฟ้าได้ดีกว่าเหล็กชุบสี หรือโลหะอื่น ๆ ซึ่งใช้ไปไม่นาน ขาเสียบมักจะหลวม อาจเกิดการอาร์คขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ปลั๊กพ่วงไหม้ได้ ส่วนบ้านที่มีเด็กเล็ก ควรใช้เต้ารับแบบมีม่านนิรภัย (Safety Shutter) เพื่อป้องกันเด็กเอานิ้วมือแหย่รูปลั๊กพ่วงขณะใช้งาน

4. รางปลั๊กพ่วง

ควรทำจากวัสดุคุณภาพสูง มีคุณสมบัติไม่ลามไฟ เช่น พลาสติก ABS, AVC หรือ PC ซึ่งทนความร้อน และแรงกระแทกได้ดีกว่าพลาสติก PVC ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดเพลิงไหม้กรณีเกิดความร้อนสูง

201223-Content-เรื่องที่ต้องรู้-ก่อนซื้อปลั๊กไฟ-04


5. ระบบไฟฟ้า

ปลั๊กพ่วงที่ดีต้องบอกพิกัดไฟสูงสุดที่สามารถรองรับได้ เช่น 220V 2500W 10A หมายความว่า แรงดันไฟฟ้าของประเทศไทยกำหนดให้ใช้งานระหว่าง 220 – 250โวล์ต ใช้กำลังไฟสูงสุดไม่เกิน 2500 วัตต์ และทนกระแสไฟได้สูงสุด 10 แอมแปร์ที่สำคัญต้องมีระบบฟิวส์หรือเซอร์กิตเบรกเกอร์ที่ตัดกระแสไฟฟ้าเกิน

นอกจากนี้ปลั๊กพ่วงควรมีสวิตช์ เปิด-ปิด เพื่อป้องกันไฟกระชากจากการถอดปลั๊กเต้าเสียบ มีไฟแสดงสถานะการทำงานและปลั๊กพ่วงรุ่นใหม่ ๆ อาจมีช่องเสียบUSB เพิ่มมา สำหรับใช้ชาร์จพวกอุปกรณ์มือถือ แท็บเล็ต ฯลฯ หรือถ้าใช้กับพวกชุดเครื่องเสียงที่มีราคาแพงก็จะมีปลั๊กพ่วงเฉพาะทาง อาทิ มีระบบกรองสัญญาณที่มีคุณภาพสูง ให้เลือกใช้งานอีกด้วย


???? ส่งท้ายกันหน่อย รู้ไว้ใช่ว่า . . .

ปลั๊กพ่วงที่มีจำหน่ายในบ้านเรา แทบทุกแบรนด์จะบอกกว่ามีมอก. กันทั้งนั้น ซึ่งก็ถูกต้องแล้ว เพราะมาตรฐาน มอก.11-2531 ที่เห็นบนปลั๊กพ่วงส่วนใหญ่นั้นเป็น มอก.ของสายไฟฟ้า (ไม่ใช่ มอก.ของปลั๊กพ่วง) ซึ่งเครื่องหมาย มอก.2432-2555 ต่างหากที่จะเป็นตัวบอกได้ว่าชุดสายพ่วงนั้นผ่านการรับรองมาตรฐานแล้ว เป็นมาตรฐานของชุดสายพ่วงทั้งชิ้น ซึ่งเหมาะสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและงานทั่วไปปัจจุบันมีเพียง 1-2 ราย ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานนี้ แต่เชื่อว่าอีกไม่นานผู้ผลิตปลั๊กพ่วงคงต้องปรับตัวเพื่อเข้าสู่มาตรฐานใหม่ ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินนั่นเอง

หลายท่านที่ซื้อปลั๊กพ่วงมาใช้งานมักจะคลั่งไคล้เต้ารับนานาชาติ (Universal Receptacle) ถ้าเป็นผู้ที่เดินทางไปทำงาน หรือท่องเที่ยวต่างประเทศแล้วติดหัวแปลงปลั๊กไฟอเนกประสงค์ไปด้วยน่าจะตอบโจทย์ได้ดี แต่เครื่องใช้ไฟฟ้าบ้านเราส่วนใหญ่ หัวปลั๊กจะเป็นแบบหัวกลมและแบน ดังนั้นเต้ารับนานาชาติจึงอาจไม่จำเป็นเท่าใดนัก แค่เลือกใช้เต้ารับที่ได้มาตรฐาน มอก. เสียบปลั๊กได้แน่น ไม่หลวมหรือโยกคลอนก็เพียงพอแล้ว แถมยังประหยัดเงินอีกด้วย

ข้อควรระวัง
ถ้าปลั๊กพ่วงชำรุด เช่น สายไฟขาด มีรอยไหม้ เสียบเต้ารับแล้วสปาร์ค ไม่ควรซ่อม แต่ควรซื้อใหม่ และไม่ควรเสียบเครื่องใช้ไฟฟ้าพร้อมกันมากเกินไป และไม่เสียบพ่วงกันหลายต่อ เพราะจะทำให้เกิดความร้อนสะสมและเกิดไฟไหม้ได้