“ไขควงวัดไฟ” ใช้อย่างไรให้ปลอดภัย
อีกหนึ่งอุปกรณ์ประจำบ้านที่หลายคนอาจคิดไม่ถึง คือ “ไขควงวัดไฟ” หรือ “ไขควงลองไฟ” ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำคัญในการตรวจสภาพเครื่องใช้ไฟฟ้า ว่าไฟรั่วหรือไม่ สำหรับลักษณะที่บ่งบอกว่าเครื่องใช้ไฟฟ้านั้น มีไฟรั่วก็ต่อเมื่อนำไขควงวัดไฟไปแตะที่ตัวเครื่องใช้ไฟฟ้า หากมีแสงสว่างปรากฎขึ้นมา แสดงว่าเครื่องใช้ไฟฟ้านั้นมีไฟรั่ว จะต้องถอดปลั๊กทิ้ง แล้วรีบให้ช่างดูทันที
บทความนี้ KACHA จึงอยากพาทุกคนไปรู้จักกับ ไขควงวัดไฟ ให้มากขึ้นกัน
ไขควงลองไฟ หรือ ไขควงวัดไฟ หน้าตาอย่างไร?
ไขควงวัดไฟมีอยู่ 2 แบบ ในท้องตลาดส่วนใหญ่จะแบ่งออกเป็น ไขควงวัดไฟแบบธรรมดา และไขควงวัดไฟแบบตัวเลขดิจิตอล ซึ่งแบบที่เป็นที่นิยมและคนส่วนใหญ่คุ้นหน้าคุ้นตาที่สุด คือ ไขควงวัดไฟแบบธรรมดา ที่มีหลอดไฟอยู่ที่ด้ามจับนั่นเอง
ไขควงวัดไฟแบบธรรมดานั้น เป็นไขควงเช็คไฟที่มีขนาดเล็ก มีปลายไขควงเป็นโลหะรูปร่างแบน ด้ามจับทำจากแก้ว หรือพลาสติกที่ไม่นำไฟฟ้า มีปุ่มโลหะอยู่บริเวณก้นด้าม ส่วนภายในด้ามจะบรรจุหลอดนีออน และตัวต้านทานต่ออนุกรม จากปลายไขควงเช็คไฟมาที่ปุ่มโลหะบริเวณก้นด้าม เพื่อทำหน้าที่แสดงผลแรงดัน
การทำงาน การใช้งานของไขควงวัดไฟ ไขควงลองไฟ เป็นแบบไหน?
หลักการทำงานของไขควงวัดไฟ คือ การอาศัยร่างกายของผู้ใช้งานเป็นสื่อ นั่นคือการอาศัยค่าความต่างศักย์ของกระแสไฟฟ้า ที่ตามหลักแล้วกระแสไฟฟ้าจะไหลจากจุดที่มีศักย์มากไปยังจุดที่มีศักย์น้อยกว่า เมื่อปลายไขควงวัดไฟสัมผัสกับตัวนำที่มีกระแสไฟฟ้า กระแสไฟฟ้าจะไหลผ่านตัวต้านทาน เพื่อทำการจำกัดกระแสให้ลดลง จนอยู่ในระดับที่ไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้งาน จากนั้น จึงไหลผ่านไปยังหลอดนีออน ก่อนจะไหลต่อเนื่องไปยังร่างกายของผู้ใช้งานแล้วไหลลงพื้นเป็นอันครบวงจร ทำให้หลอดนีออนสว่างขึ้นมาได้ และเป็นเหตุผลที่ระหว่างใช้งานไขควงวัดไฟต้องไม่ใส่รองเท้านั่นเอง
เมื่อต้องการทดสอบแรงดันไฟฟ้าโดยไขควงวัดไฟ ให้จับบริเวณด้ามของไขควงที่เป็นแก้ว หรือพลาสติก โดยระวังไม่ให้มือสัมผัสโดนส่วนปลายของไขควงเช็คไฟเด็ดขาด จากนั้นนำปลายไขควงเช็คไฟไปแตะที่ตัวนำ เต้ารับไฟฟ้า สายไฟ หรือบนโลหะที่ต้องการทดสอบ แล้วจึงใช้นิ้วหนึ่งแตะที่ปุ่มกดโลหะบริเวณก้นด้ามจับ หากหลอดนีออนในด้ามไขควงวัดไฟสว่างขึ้น แปลว่าบริเวณที่ทดสอบนั้น มีกระแสไฟฟ้าเป็นเส้นไลน์ หรือมีไฟฟ้ารั่วในระบบนั่นเอง
ข้อควรระวัง ในการใช้งานไขควงวัดไฟ ไขควงลองไฟ
เมื่อใช้ไขควงลองไฟ หรือไขควงวัดไฟ ต้องระวังอะไรบ้าง? เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน ดังนี้
- ควรเลือกไขควงวัดไฟ ที่มีขนาดเหมาะสมกับชนิดของไฟฟ้า โดยไฟฟ้ากระแสตรง DC คือ ไฟฟ้าที่ใช้ในรถยนต์ หรือไฟฟ้ากระแสสลับ AC จะใช้กับไฟที่มาจากการไฟฟ้า
- นอกจากชนิดของไฟฟ้า ขนาดแรงดันของไฟฟ้าก็ต้องพอเหมาะ ไม่สูงหรือต่ำเกินไป เช่น การวัดกระแสไฟฟ้าในบ้านซึ่งใช้ไฟ 200-250 โวลต์ ไม่ควรใช้ไขควงวัดไฟสำหรับแรงดัน 80-125 โวลต์ เป็นต้น และห้ามนำไขควงวัดไฟ ไปใช้ทดสอบกับไฟฟ้าที่ไม่รู้ค่าแรงดัน หรือไฟฟ้าแรงสูงเด็ดขาด
- การจับไขควงวัดไฟ ขณะใช้งาน ต้องระวังไม่ไปแตะบริเวณปลายไขควงส่วนที่เปลือยเด็ดขาด ควรใช้ไขควงวัดไฟที่ด้ามจับอยู่ในสภาพสมบูรณ์ หุ้มด้วยฉนวนที่ไม่นำไฟฟ้าอย่างแก้ว หรือพลาสติก และอาจใช้เทปพันสายไฟ พันให้รอบ เพื่อช่วยป้องกันการเกิดไฟฟ้าลัดวงจรจากการใช้งาน ที่ไม่ระมัดระวังเพียงพอด้วย
- การใช้ไขควงวัดไฟที่ถูกวิธี คือ การนำปลายไขควงเช็คไฟ ไปแตะที่ตัวนำที่ต้องการทดสอบก่อน แล้วจึงใช้นิ้วแตะปุ่มโลหะบริเวณด้ามจับ ในขณะที่ถอดรองเท้า และไม่ยืนอยู่บนพื้นฉนวน เพื่อให้ไฟฟ้าไหลครบวงจร และสามารถแสดงค่าแรงดันที่ถูกต้องได้
- ทุกครั้งที่ใช้งานไขควงวัดไฟ ให้ระมัดระวัง และนึกเสมอว่าอาจมีอันตราย เช่น ตัวไขควงวัดไฟอาจชำรุด หรือมีการลัดวงจรภายในได้ การใช้งานจึงต้องแตะพียงเล็กน้อยเท่านั้น
- เวลาแตะตัวนำไฟฟ้าต้องระมัดระวังไม่ให้ไขควงวัดไฟไปแตะโดนส่วนอื่น ที่เป็นขั้วไฟฟ้าคนละขั้วพร้อม ๆ กัน โดยเฉพาะในพื้นที่แคบ ๆ เช่น การแตะโดนขั้วไฟต่างเฟส หรือขั้วมีไฟแตะกับขั้วดิน เป็นต้น เพราะจะทำให้เกิดการลัดวงจร และประกายไฟพุ่งออกมาใส่ผู้ใช้งานจนอาจบาดเจ็บรุนแรงได้
- ในสถานการณ์ที่มีขั้วไฟฟ้าเปิดโล่ง หรือเปลือย เช่น บริเวณแผงสวิตช์ หรือเต้ารับที่เปิดฝาออก ต้องใช้ช่างไฟฟ้ามืออาชีพที่มีความชำนาญเฉพาะทางเป็นผู้ดำเนินการวัดไฟให้เท่านั้น
- สำหรับไขควงวัดไฟที่ไม่ได้ใช้งานมานาน หลอดนีออน หรือตัวต้านทานภายในอาจชำรุด ใช้การไม่ได้ จึงควรทดสอบก่อนการใช้งานจริง โดยทดสอบกับส่วนที่รู้ว่า มีไฟแน่นอนเสียก่อน เช่น การแตะปลายไขควงเช็คไฟ เข้าไปในรูเต้ารับผนัง จะมีรูหนึ่งเท่านั้นที่มีไฟ เป็นต้น
สุดท้ายนี้ เราคงรู้กันแล้วว่าไขควงวัดไฟ นั้นประโยชน์มากมายเลยทีเดียว สำหรับใคร ที่ยังไม่มีอุปกรณ์ช่างตัวนี้ อย่าลืมรีบไปหาซื้อติดบ้านเอาไว้ก็ดี เพราะเป็นอุปกรณ์ช่าง ชิ้นเล็ก ๆ แต่จำเป็นมาก ๆ ชิ้นหนึ่ง นอกจาก ไขควงวัดไฟ หรือ ไขควงลองไฟ แล้ว ทุกบ้านควรมี เครื่องมือช่าง ที่จำเป็นติดบ้านไว้ เพราะเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน จะได้สามารถแก้ไข และตรวจสอบได้ทันเวลานั่นเอง บทความหน้า จะมีอะไรดี ๆ มาฝากอีกนั้น อย่าลืม ติดตามกันด้วยนะจ๊ะ
บทความดี ๆ น่าอ่าน:
- “ไขควง” มีกี่ประเภท? ใช้งานอย่างไรบ้าง?
- ตรวจ “ระบบไฟฟ้า” ด้วยตัวเอง ทำได้อย่างไร?
- เลือก “มิเตอร์ไฟฟ้า” แบบไหนให้เหมาะสมกับบ้าน
- “10 อุปกรณ์ช่างประจำบ้าน” ที่ทุกบ้านต้องมี!
KACHA ผู้จัดจำหน่าย เครื่องมือช่างราคาถูก และอุปกรณ์เสริม สำหรับช่างมืออาชีพ ราคาที่คุณจับต้องได้ รับรองสินค้าคุณภาพ บริการหลังการขายที่ประทับใจอย่างแน่นอน!! เลือกดูสินค้าจาก KACHA คลิกเลย ????????