วิธีคำนวณ “BTU แอร์” ให้เหมาะสมก่อนเลือกซื้อ ช่วยประหยัดค่าไฟได้
หลาย ๆ บ้านที่กำลังจะติดตั้งแอร์ บทความนี้ KACHA วิธีคำนวณ BTU แอร์ มาฝากกัน เพื่อให้ง่ายต่อการตัดสินใจเลือกแอร์ และที่สำคัญช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าในบ้านไปได้เยอะอีกด้วย จะมีวิธีอย่างไรบ้างนั้น ตามไปดู
BTUแอร์ คืออะไร?
ขนาดทำความเย็นของเครื่องปรับอากาศ ย่อมาจากคำว่า British Thermal Unit เป็นหน่วยวัดค่าพลังงานความร้อนตามมาตรฐานสากล ซึ่ง 1 ตันความเย็น จะเท่ากับ 12000 BTU ต่อชั่วโมง ดังนั้นการเลือก BTUแอร์ ย่อมมีความสำคัญ เพราะจะเกี่ยวเนื่องกับการประหยัดพลัง และอายุการใช้งานของแอร์ด้วย
BTU เมื่อนำมาใช้ในส่วนของเครื่องปรับอากาศ จะมีหมายถึงความสามารถในการทำความเย็น ถ่ายเทความร้อนออกจากห้องภายในเวลา 1 ชั่วโมง โดยคำนวณเป็น ความร้อน 1 BTU เท่ากับ ปริมาณความร้อนที่ทำให้น้ำ 1 ปอนด์ มีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นหรือลดลง 1 องศาฟาเรนไฮต์ ยิ่งตัวเลข BTU เยอะ แสดงว่า แอร์เครื่องนั้น ทำความเย็นได้มากนั่นเอง
ปัจจัยอื่น ๆ ที่ควรพิจารณาก่อนเลือกซื้อแอร์
- ขนาดห้องของหน้าต่าง และมุมต่าง ๆ ของห้อง
- ทิศทางของห้องแต่ละ ว่าโดนแดดมากน้อยเพียงใด
- วัสดุหลังคา มีฉนวนกันความร้อนภายในบ้านหรือไม่
- จำนวนบุคคลที่ใช้งานในแต่ละห้อง
เลือก BTUแอร์ แบบไหนถึงจะเหมาะสม?
การเลือก BTU แอร์ให้เหมาะกับห้อง ควรพิจารณาจาก ประเภทห้อง ขนาดห้อง ตำแหน่งทิศทางของห้อง การเข้าถึงของแสงแดด จำนวนผู้พักอาศัย จำนวนเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในห้องมีมากน้อยเพียงใด โดยปกติแล้ว เครื่องปรับอากาศ จะมีหลายขนาดตั้งแต่ 9,000 – 60,000 BTU ซึ่งแต่ละขนาด เหมาะสมกับพื้นที่ใช้สอยที่ต่างกันไป เช่น
- ขนาด 9,000 – 21,000 BTU เหมาะกับ ห้องที่มีขนาดเล็ก-ปานกลาง เช่น คอนโด หรือห้องที่มีความร้อนปานกลางถึงมาก
- ขนาด 21,000 – 30,000 BTU เหมาะกับ ห้องที่มีพื้นที่ห้องขนาดกลาง-ใหญ่ มีพื้นที่ในการใช้สอย หรือห้องที่มีความร้อนปานกลางถึงมาก เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องโถง
- ขนาด 30,000 – 60,000 BTU เหมาะกับ ห้องที่มีขนาดใหญ่ มีสิ่งของเครื่องใช้ เช่น Home Office สำนักงาน ร้านกาแฟ ร้านอาหาร ธุรกิจขนาดย่อม หรือห้องที่มีความร้อนมาก เป็นต้น
- ขนาด 60,000 BTU ขึ้นไป ควรขอคำแนะนำจากร้านผู้จัดจำหน่าย
รู้ไหม? หากเลือกBTU แอร์ที่สูงไป คอมเพรสเซอร์จะตัดบ่อย ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานน้อยลง ความชื้นในห้องสูง ทำให้สิ้นเปลืองพลังงาน และราคาสูงเกินความจำเป็น และถ้าเลือกBTU แอร์ที่ต่ำไป คอมเพรสเซอร์จะทำงานหนัก เพราะความเย็นห้องไม่ได้ตามอุณหภูมิที่ตั้งไว้ ทำให้สิ้นเปลืองพลังงาน ส่งผลให้อายุการใช้งานของแอร์สั้นลง แอร์เสียเร็วขึ้นได้
วิธีคำนวณ BTUแอร์
การเลือกขนาด BTU ของแอร์ ให้เหมาะสมกับพื้นที่ของห้อง จะช่วยให้แอร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ไม่สิ้นเปลืองพลังงาน และประหยัดค่าใช้จ่าย คำนวณได้ ดังนี้
BTU = พื้นที่ห้อง [กว้าง (เมตร) x ยาว (เมตร)] x ตัวแปรความแตกต่าง
โดยตัวแปรความแตกต่าง แบ่งได้ ดังนี้
- ห้องที่มีความร้อนน้อย ใช้เฉพาะกลางคืน = 650 – 700
- ห้องที่มีความร้อนสูง ใช้ในช่วงกลางวัน = 700 – 800
- 950 – 1,100 สำหรับ ร้านอาหาร มินิมาร์ท ร้านค้า สำนักงาน ที่โดนแดดน้อย
- 1,000 – 1,200 สำหรับร้านอาหาร ร้านทำผม มินิมาร์ท ร้านค้า สำนักงาน ที่โดนแดด
- 1,100 – 1,500 ห้องประชุม ห้องสัมมนา ร้านอาหารที่มีหม้อต้ม เตาความร้อน หรือห้องที่มีจำนวนคนต่อพื้นที่เยอะกว่าปกติหลายเท่า
ยกตัวอย่าง: ขนาดห้องนอน ไม่ค่อยโดนแดด (กว้าง 6 เมตร x ยาว 6 เมตร) x 700
= 36 ตารางเมตร x 700
= 25,200 BTU <= 30,000
ดังนั้น ควรใช้แอร์ขนาด 30,000 BTU (สามารถสูง-ต่ำได้ แต่ไม่ควรเกิน 1,000 BTU)
จบไปแล้ว วิธีคำนวณ BTUแอร์ ที่เรานำมาฝากกัน คงทำให้เพื่อน ๆ หลาย ๆ คนพอจะมีข้อมูลไปลองคำนวณ และเลือกแอร์ให้เหมาะสมกับขนาดห้องกัน บทความหน้าจะมีอะไรดี ๆ มาฝากกันอีกนั้น อย่าลืมติดตามกันด้วย
บทความดี ๆ น่าอ่าน:
- วิธีเลือกแอร์ ให้เหมาะกับบ้าน บ้านเย็นและไม่กินไฟ
- เคล็ดลับ เปิดแอร์ยังไงให้ประหยัดไฟ เย็นสบาย มีเงินเหลือใช้!
- แอร์มีกลิ่นอับ เกิดจากสาเหตุอะไร? มีวิธีแก้ไขได้อย่างไรบ้าง?
- วิธีซ่อมแอร์ ด้วยตัวเอง ทำได้ง่ายๆ ไม่ต้องเรียกช่าง
KACHA ผู้จัดจำหน่าย เครื่องมือช่างราคาถูก เช่น รอกโซ่ รอกโซ่มือสาว เครนยกของ และอุปกรณ์เสริม สำหรับช่างมืออาชีพ ราคาที่คุณจับต้องได้ รับรองสินค้าคุณภาพ บริการหลังการขายที่ประทับใจ หากคุณกำลังมองหา ผู้รับเหมา ออกแบบก่อสร้างโรงงาน โกดังสินค้าต่าง ๆ บริษัทของเรา มีบริการรับ สร้างโกดัง สร้างโรงงาน สร้างคลังสินค้าต่าง ๆ จากช่างมืออาชีพที่มีประสบการณ์ การันตีผ่านมาตรฐานก่อสร้าง และความปลอดภัยต่าง ๆ อย่างแน่นอน เข้าชมเว็บไซต์ KACHA คลิกเลย
อ้างอิงข้อมูลจาก teddyaircond.com, carrierthailand.com