วัสดุที่มีความสำคัญสำหรับงานก่อสร้างบ้านหรืออาคารต่าง ๆ ซึ่งให้บรรยากาศของความเป็นธรรมชาติได้ดี ก็คืองานไม้ทุกประเภท แต่ปัจจุบันงานไม้มีราคาแพง และวัสดุทำจากไม้บางประเภทยังหายาก ทำให้มีการนำไม้เทียมมาใช้ทดแทนมากขึ้น ซึ่ง “ไม้เทียม” เป็นวัสดุในงานช่างที่ไม่ได้ทำมาจากไม้ แต่นำวัสดุอื่น ๆ มาผสมกับไม้และสารเคมีบางอย่าง เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติ และการใช้งานทางด้านสถาปัตยกรรมเหมือนกับไม้จริงนั่นเอง ซึ่งไม้เทียมแบ่งเป็นชนิดต่าง ๆ ตามวัสดุที่นำมาใช้ในการผลิตได้หลายชนิด จะมีอะไรบ้าง ตาม KACHA ไปดูกันเลยดีกว่า . . .
ไม้เทียม คืออะไร?
ไม้เทียม หรือไม้สังเคราะห์ เป็นวัสดุที่ทำเลียนแบบให้เหมือนไม้ ทั้งรูปร่าง สีสัน หรือมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับไม้ เพื่อให้สามารถใช้งานทดแทนไม้จริงในรูปแบบต่าง ๆ ได้ โดยไม้เทียมเป็นวัสดุสังเคราะห์เกิดจากการนำวัสดุอื่นมาผสมกับไม้และสารเคมีบางชนิด จนกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติและสามารถใช้งานได้เหมือนหรือใกล้เคียงกับไม้จริง
ชนิดของไม้เทียม
ไม้เทียม หรือไม้สังเคราะห์ ที่ผลิตขึ้นมาทดแทนไม้ในประเทศไทย หลัก ๆ แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ ไม้เทียมไฟเบอร์ซีเมนต์ (Fiber cement) และไม้เทียม Wood Plastic Composite หรือ WPC
1. ไม้เทียมไฟเบอร์ซีเมนต์ (Fiber cement)
ผลิตจากเส้นใยเซลลูโลส ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ และซิลิก้า โดยนำมาผ่านกระบวนการอัดขึ้นรูปในแบบต่าง ๆ ตามลักษณะการใช้งาน เช่น ไม้พื้นไม้ระแนง ไม้เอนกประสงค์ และไม้บัว
2. ไม้เทียม Wood Plastic Composite หรือ WPC
เป็นการนำวัสดุไม้และะพลาสติกมาผสมกันในขั้นตอนการผลิต ทำให้ไม้เทียมที่ได้มีคุณสมบัติเหมือนไม้และพลาสติก ซึ่งผลิตภัณฑ์นั้น ๆจะโน้มเอียงไปทางใด ก็ขึ้นอยู่กับสัดส่วนของไม้ และพลาสติกที่นำมาผสมกัน
เปรียบเทียบคุณสมบัติไม้เทียมและไม้จริง
ปัจจุบันมีไม้หลากหลายประเภทในท้องตลาดให้เลือกทั้ง ไม้จริงและไม้เทียม ซึ่งหลายคนอาจจะสงสัยว่าไม้ทั้ง 2 ประเภทนั้นมีข้อดี ข้อเสีย และคุณสมบัติที่แตกต่างกันอย่างไร
ไม้เทียมในปัจจุบันที่นิยมใช้กันมีอยู่ 2 ประเภท คือ ไม้เทียมที่ผลิตจากไฟเบอร์ซีเมนต์ มีส่วนผสมของปูนซีเมนต์และเส้นใยต่าง ๆ ซึ่งมีความยืดหยุ่นตัวสูง และไม้เทียมที่ผลิตจากพอลิเมอร์อย่างไวนิลผสมกับผงไม้จริง ลักษณะของสีและผิวสัมผัสคล้ายไม้จริงมาก อีกทั้งมีความทนทาน ต่อสภาพอากาศและการใช้งาน
ข้อดี | ข้อเสีย |
---|---|
การติดตั้งทำได้ง่าย สามารถใช้งานได้ทันที ดูแลรักษาง่าย ไม่มีปัญหาเรื่องปลวก แมลง มาให้กวนใจ รูปแบบที่หลากหลาย ง่ายต่อการจัดตกแต่งในรูปแบบต่าง ๆ | ลวดลายบนแผ่นไม้ไม่เป็นธรรมชาติ สามารถซ่อมแซมด้วยการทาสีใหม่ มีขนาดและความยาวจำกัด |
ไม้จริงคือ ไม้แปรรูปที่ผ่านกระบวนการอาบน้ำยา และอบแห้ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันศัตรูตัวร้ายอย่างปลวก และแมลง อีกทั้งยังผ่านการลดความชื้นในเนื้อไม้ก่อนการนำไปใช้งานด้วย โดยไม้จริงนี้ สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทด้วยกัน ดังนี้
- ไม้เนื้ออ่อน เป็นไม้ที่ได้มาจากต้นไม้จำพวกสน ซึ่งลักษณะโครงสร้างของไม้เนื้ออ่อนเป็นแบบธรรมดาซึ่งจะมีความแตกต่างจากไม้เนื้อแข็งอย่างชัดเจน โดยไม้ชนิดนี้มีน้ำหนักเบาและแข็ง จึงสามารถนำไปใช้สำหรับงานก่อสร้างโดยทั่วไปได้
- ไม้เนื้อแข็ง เป็นไม้ที่ได้มาจากต้นไม้ที่มีใบกว้าง ซึ่งไม้ที่เป็นของไทยส่วนมากเป็นไม้เนื้อแข็งที่มีลักษณะโครงสร้างยุ่งยาก และซับซ้อนกว่าไม้เนื้ออ่อน โดยความแข็งแรง และคุณสมบัติของไม้เนื้อแข็ง จะมีความแตกต่างกันไปแล้วแต่ชนิด อีกทั้งยังทนทานต่อสภาพอากาศได้ดีอีกด้วย
ข้อดี | ข้อเสีย |
---|---|
แผ่นไม้แต่ละแผ่นมีความสวยงามจากลวดลายและสีสันตามธรรมชาติแตกต่างตามชนิดและอายุของไม้ สามารถนำไปทำพื้นผิวได้ตามต้องการ เช่น ผิวเรียบหรือผิวหยาบ โชว์เสี้ยนไม้ การทาสีย้อมไม้ เมื่อใช้งานไปเป็นเวลานานการซีดจางอาจเกิดขึ้น แต่ยังสวยงามมากกว่าไม้เทียม เพราะเป็นของจริงจากธรรมชาติ | มีราคาค่อนข้างสูง ต้องระมัดระวังเรื่องปลวก แมลง หากใช้งานหนักจะทำให้พื้นผิวไม้เป็นรอยเสียหายและเป็นสาเหตุทำให้เกิดการผุกร่อนในภายหลังได้ นอกจากนี้ยังต้องหมั่นทาน้ำยารักษาเนื้อไม้เป็นประจำ ถ้าใช้ไปในระยะเวลานานอาจก่อให้เกิดการซีดจางของไม้ |
???? รู้ไหม? ไม้อัดเทียมที่นิยมใช้กันในท้องตลาดไทยปัจจุบันมี 4 ประเภทด้วยกัน ดังนี้
|
|
|
|
จะเห็นได้ว่าไม้เทียม ยังเป็นผลิตภัณฑ์ หรือวัสดุก่อสร้าง ที่ผลิตออกมาหลากหลายรูปแบบ ทั้งคุณสมบัติและรูปลักษณ์ เพื่อให้สามารถใช้แทนงานไม้ได้อย่างเหมาะสมและตอบโจทย์ความต้องการในการใช้งานแต่ละประเภท หวังว่าบทความนี้จะให้ความรู้แก่ผู้อ่านไม่มากก็น้อย