รู้หรือไม่ วอลเปเปอร์ติดผนัง ดีกว่า การทาสี อย่างไร?

ในปัจจุบันนี้ ไม่ว่าจะสร้างบ้านใหม่ หรือรีโนเวทบ้านเก่า ผนังบ้านก็เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สร้างเอกลักษณ์ให้บ้านได้ ซึ่งการตกแต่งผนังบ้าน ก็ทำได้ทั้งทาสีบ้านและติดวอลเปเปอร์ ซึ่งก็มีคุณสมบัติแตกต่างกันไป

วันนี้ KACHA จะพาไปดูข้อดี-ข้อเสีย ของการ ทาสีบ้าน และ วอลเปเปอร์ติดผนัง มาเป็นตัวช่วยให้กับคนที่ยังลังเลว่าควรจะเลือกแบบไหนดีกัน

วอลเปเปอร์ติดผนัง กับ ทาสีผนัง แบบไหนดีกว่ากัน?

หลาย ๆ คนมีความเชื่อว่า การติดวอลเปเปอร์ มักจะมีปัญหาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราคาที่แพง อายุการใช้งานที่สั้น การดูแลรักษายาก การติดตั้งยาก ติดแล้วก็ลอกยาก และอื่น ๆ อีกตามมา

การติดวอลเปเปอร์ผนัง

วอลเปเปอร์ติดผนัง(Wallpaper) เป็นวัสดุตกแต่งภายในที่ผลิตจากวัสดุหลายชนิด เช่น กระดาษ, ผ้า, ไวนิล, โฟม และวัสดุอื่น ๆ อีกหลายประเภท โดยมีจุดเด่นที่ใช้งานได้สะดวกสบาย เพียงทากาว แล้วติดวอลเปเปอร์ลงไปบนผนังได้เลย หรือวอลเปเปอร์ประเภทที่มาพร้อมกาว เพียงแกะกาวแล้วแปะลงไปได้เลย จากนั้นรอให้กาวแห้ง ก็สามารถเข้าอยู่ได้เลยไม่มีปัญหาเรื่องกลิ่นเหม็นรบกวน นอกจากนี้ หากต้องการเปลี่ยนวอลเปเปอร์ ก็ทำได้ง่ายเพียงพรมน้ำลงบนวอลเปเปอร์เดิมแล้วทิ้งไว้สักพักให้แผ่นวอลเปเปอร์หลุดออกมา หรือใช้มือลอกออกก็ทำได้ง่าย ๆ

210626-Content-วอลเปเปอร์ติดผนัง-ดีกว่า-การทาสี-อย่างไร02

ข้อดี

  • เลือกได้หลายรูปแบบ วอลเปเปอร์ได้เปรียบกว่าสีทาบ้านที่รูปแบบหลากหลาย เนื่องจาก การทาสีเป็นเพียงการทาสีแบบพื้น ๆ แต่วอลเปเปอร์นั้น มีลวดลาย และพื้นผิวสัมผัสให้เลือกหลายแบบ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างเอกลักษณ์ให้กับบ้าน
  • ประหยัดเวลา การติดตั้งวอลเปเปอร์นั้น สามารถทำเองได้โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยช่างเฉพาะทาง เช่น วอลเปเปอร์ชนิดมีกาวในตัวติดตั้งง่าย ๆ เพียงลอกเทปกาวด้านหลังแล้วใช้ผ้าลูบที่วอลเปเปอร์ไปตามผนังที่ต้องการก็เป็นที่เรียบร้อย อีกทั้งวอลเปเปอร์ก็มีขนาดหน้ากว้างมาก ทำให้ติดตั้งได้เร็วยิ่งขึ้น
  • ไม่มีกลิ่นรบกวน ปกติหลังจากทาสีบ้านมักจะต้องทิ้งระยะเวลา เพื่อให้กลิ่นสีระเหยออกจนหมด แต่วอลเปเปอร์บางประเภท เช่น ชนิดที่มีกาวอยู่ในตัวนั้น เมื่อติดแล้วสามารถเข้าอยู่ได้เลย เนื่องจากไม่มีกลิ่นรบกวน
  • ช่วยปกปิดร่องรอยบนผนัง วอลเปเปอร์เป็นวัสดุที่ช่วยปกปิดร่องรอยคราบสกปรก รอยร้าว รอยแตกร้าว ได้เป็นอย่างดี แถมยังประหยัดค่าใช้จ่าย และเวลามากกว่าการทาสีอีกด้วย
  • ดูดซับเสียงได้ดี ปัจจุบันวอลเปเปอร์ถูกพัฒนาให้มีคุณสมบัติดูดซับเสียง และกันเสียงสะท้อนได้ดีกว่าการทาสี การใช้วอลเปเปอร์ จึงช่วยกันเสียงจากทั้งภายนอก และภายในบ้าน ซึ่งอาจเล็ดลอดเข้ามาสร้างความรำคาญใจได้

ข้อเสีย

  • อายุการใช้งานค่อนข้างสั้น คุณภาพของวอลเปเปอร์นั้น มีหลายเกรด ยิ่งเกรดดีก็จะส่งผลต่อระยะเวลาการใช้งานที่ยาวนานขึ้น และราคาที่สูงขึ้น เช่นกัน หากเลือกวอลเปเปอร์ที่คุณภาพไม่สูงนักก็จะอยู่ได้เพียง 6-8 ปี จะเริ่มลอกร่อน ซึ่งทำให้ต้องเสียเงิน และเวลาซ่อมแซม
  • ปัญหาความชื้นและเชื้อรา ในช่วงหน้าฝนความชื้น และเชื้อรามักสร้างความเสียหายให้กับส่วนต่าง ๆ ของบ้าน ความชื้นสะสมในผนังที่ทำให้เกิดเชื้อราก็เป็นสาเหตุที่ทำให้วอลเปเปอร์บวม ลอกร่อน และลดอายุการใช้งานนั่นเอง
  • พื้นผิวเสียหาย วอลเปเปอร์บางประเภทอาจทิ้งร่องรอยเอาไว้บนผนังหลังจากลอกออก ทำให้หลังจากลอกออกแล้ว อาจจะต้องเสียเวลา และค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม หรือต้องติดวอลเปเปอร์ใหม่ทับเท่านั้น

การทาสีผนังบ้าน

สีทาผนัง เป็นวัสดุที่ใช้ตกแต่งบ้านทั้งภายใน และภายนอก โดยมีจุดเด่นที่ความทนทาน แบ่งได้หลายประเภท เช่น สีอะคริลิก, สีทาไม้ ตามวัตถุประสงค์ในการใช้ โดยขั้นตอนทาสีนั้น เริ่มตั้งแต่การสำรวจพื้นผิวที่ต้องการจะทาว่าเป็นประเภทใด เพื่อให้เลือกใช้สีได้เหมาะสม ต่อมาเป็นการซ่อมแซมทำความสะอาดพื้นผิว และต้องสำรวจค่าความชื้นที่เหมาะสมก่อน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมา จากนั้น จึงลงสีพื้นซึ่งเป็นสีขาว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้สีติดทน ขั้นสุดท้าย จึงเป็นการทาสีหลักที่เราต้องการจึงเป็นอันเสร็จ ด้วยขั้นตอนมากมายเหล่านี้การทาสีผนัง จึงมีอายุการใช้งานที่ยาวนานอย่างมากนั่นเอง

210626-Content-วอลเปเปอร์ติดผนัง-ดีกว่า-การทาสี-อย่างไร03

ข้อดี

  • ใช้งานยาวนาน เป็นจุดเด่นสำคัญของการทาสีบ้าน เพราะการทาสีบ้านแต่ละครั้งอยู่ได้ยาวนานเกิน 10 ปี เนื่องจาก มีขั้นตอนการเตรียมทาสีหลายชั้น ทำให้มีเนื้อสีปกคลุมผนังหลายชั้น ช่วยให้ทนทานต่อสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ทั้งแสงแดด ลม ฝน
  • เลือกเฉดสีได้ตามใจ การทาสีผนังบ้านมีข้อดี คือ สามารถผสมสีขึ้นใหม่ตามความต้องการหรือเลือกเฉดสีให้เข้ากับธรรมชาติโดยรอบหรือสไตล์การตกแต่งบ้าน
  • ทำความสะอาดง่าย ด้วยความทนทานของสีทาบ้านไม่ว่าจะเป็นสีทาภายนอก หรือสีทาภายใน ที่ทนทานต่อการทำความสะอาดคราบสกปรกต่าง รวมถึงขัดถูสิ่งสกปรกออกได้โดยไม่ทำลายเนื้อสี
  • หมดกังวลเรื่องเชื้อรา ในช่วงฤดูฝนบ้านที่ทาสีส่วนใหญ่จะไม่ค่อยประสบปัญหาความชื้น และเชื้อรา ไม่มีปัญหาลอกร่อน เพราะไม่ต้องพึ่งพาวัสดุที่ใช้ยึดเกาะ ช่วยให้หมดกังวลปัญหาจากความชื้น
  • คุณสมบัติพิเศษ ปัจจุบันสีทาบ้านไม่ได้มีเพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่ยังมีคุณสมบัติพิเศษอื่น ๆ อีก เช่น สีบ้านเย็น ที่ช่วยสะท้อนความร้อนช่วยให้อากาศในบ้านเย็นลง เป็นการประหยัดค่าไฟได้มากยิ่งขึ้น สีกันรอย ที่ทำความสะอาดง่ายช่วยให้บ้านดูใหม่เสมอ ไปจนถึงสีฟอกอากาศ ซึ่งเป็นสีไร้กลิ่น และกลิ่นระเหยได้เร็ว ซึ่งเหมาะสำหรับบ้านที่มีเด็ก

ข้อเสีย

  • ค่าใช้จ่ายสูง การทาสีบ้านต้องใช้อุปกรณ์เป็นจำนวนมาก เช่น ลูกลิ้ง หรือแปรงทาสี เกรียงสำหรับแซะปูน และยังมีขั้นตอนหลายขั้นตอน ตั้งแต่เตรียมพื้นผิว ทาสีรองพื้น ทาสีทับหน้าอีกหลายชั้น ทำให้การสีบ้านแต่ละครั้ง จำเป็นต้องใช้เวลา และมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
  • เลือกรูปแบบได้น้อยกว่า แม้ว่าในปัจจุบันจะมีเทคโนโลยีที่ช่วยสร้างเฉดสี หรือรูปแบบการทาสีได้ง่ายขึ้น แต่การทาสีบ้านก็ยังเป็นการทาสีพื้น ๆ มากกว่า เพราะหากต้องการลวดลาย อาจจะต้องจ้างช่างเฉพาะทางทำให้งบประมาณเพิ่มขึ้นไปอีก
  • ต้องระวังเรื่องการเลือกช่าง การทาสีจำเป็นต้องใช้ทักษะ เพื่อให้สีเรียบเนียน ทำให้ต้องเลือกช่างทาสีให้ดี ไม่เช่นนั้นผลงานที่ออกมาอาจจะไม่เรียบเนียนสีไม่เท่ากันได้

อย่างไรก็ตาม การ ทาสีผนัง และการติดวอลเปเปอร์นั้น มีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกัน การเลือกใช้วิธีการทั้ง 2 แบบ จึงขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การใช้งาน และงบประมาณที่มี โดยการทาสีอาจเหมาะกับผู้ที่เน้นการใช้งานยาวนาน สำหรับผู้ที่ต้องการสร้างเอกลักษณ์ให้กับบ้าน อาจเลือกใช้วอลเปเปอร์ หรือจะนำวิธีการทั้งสองมาผสมผสานกันก็ได้ขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้งานที่ต้องการมากที่สุดทั้งสิ้น

สามารถติดตามบทความต่าง ๆ ของ KACHA ได้ตามนี้เลย