ชั้นวางพาเลทสามารถปรับเปลี่ยนความสูงและโครงสร้างได้หรือไม่?
ได้ค่ะ ชั้นวางพาเลทของ Kacha ออกแบบมาให้สามารถปรับความสูงของชั้นวาง และสามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างเพื่อรองรับการใช้งานในอนาคต เช่น การเพิ่มชั้นวางหรือการปรับระยะห่างระหว่างชั้น
ได้ค่ะ ชั้นวางพาเลทของ Kacha ออกแบบมาให้สามารถปรับความสูงของชั้นวาง และสามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างเพื่อรองรับการใช้งานในอนาคต เช่น การเพิ่มชั้นวางหรือการปรับระยะห่างระหว่างชั้น
ชั้นวางสินค้าสามารถแบ่งออกเป็นประเภทหลัก ๆ ได้แก่ Selective Rack: เหมาะสำหรับการหยิบสินค้าทั่วไป Drive-In/Drive-Thru Rack: เหมาะสำหรับการจัดเก็บสินค้าแน่น ๆ แบบ FIFO หรือ LIFO Flow Rack: ใช้ในระบบ FIFO สำหรับสินค้าที่เคลื่อนไหวบ่อย Cantilever
การจัดวางสินค้าบนพาเลทมี 3 วิธีหลัก ได้แก่ การจัดวางแบบ Block Stacking (ซ้อนกล่องบนพาเลทเป็นชั้น) การจัดวางแบบ Brick Stacking (วางเรียงคล้ายอิฐเพื่อความมั่นคง) การจัดวางแบบ Pinwheel Stacking (วางหมุนตามมุมพาเลทเพื่อกระจายน้ำหนัก)
Rack (ชั้นวางพาเลท) เป็นชั้นวางที่ออกแบบมารองรับน้ำหนักมาก และใช้จัดเก็บสินค้าที่วางบนพาเลทเป็นหลัก Shelf (ชั้นวางทั่วไป) เหมาะสำหรับการจัดเก็บสินค้าที่มีน้ำหนักเบาหรือขนาดเล็กกว่า โดยสามารถหยิบจับสินค้าได้ง่ายโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วย
ชั้นวางประเภท Drive-In Rack และ Flow Rack เหมาะสำหรับการหยิบสินค้าแบบ FIFO (First In, First Out) เพราะระบบนี้ช่วยให้สินค้าที่นำเข้าไปก่อนจะถูกหยิบออกมาใช้ก่อน โดยเฉพาะในคลังสินค้าที่จัดการสินค้าที่มีวันหมดอายุ เช่น อาหารหรือยา
แม่แรงยกรถ KACHA มีการรับประกันสินค้าทุกตัว *การชำรุดจากการใช้งานไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขการรับประกันสินค้า*
แม่แรงที่มีความเหมาะสมในการพกติดรถยนต์ไว้ในยามฉุกเฉิน คือ แม่แรงสะพาน ขนาด 1-2 ตัน แม่แรงขวด แม่แรงจระเข้ ขนาด 3 - 5 ตัน แม่แรงกระปุก 3 - 8 ตัน และ
1. สำหรับแม่แรงที่ใช้ระบบไฮดรอลิก ควรตรวจสอบระดับน้ำมันไฮดรอลิกอย่างสม่ำเสมอ และเติมน้ำมันหากจำเป็น โดยต้องใช้ประเภทน้ำมันที่ถูกต้องตามที่ระบุในคู่มือ 2. ไม่ควรใช้แม่แรงยกน้ำหนักเกินมาตรฐานที่ระบุไว้ เพื่อยืดอายุการใช้งานและความปลอดภัย 3. เก็บแม่แรงในที่ที่ ไม่สัมผัสกับน้ำหรือความชื้น เพื่อป้องกันการเกิดสนิม
1. เลือกแม่แรงให้ถูกประเภท และสามารถรับน้ำหนักของวัตถุได้ โดยพิจารณาน้ำหนักรวมและเผื่อความปลอดภัย โดยค่าความปลอดภัยที่แนะนำ คือ เลือกใช้แม่แรงที่มีกำลังรับน้ำหนักมากกว่าน้ำหนักรถที่ต้องการยกอย่างน้อย 1.5 - 2 เท่า เช่น หากรถยนต์มีน้ำหนัก 2,000 กิโลกรัม (2 ตัน ) ควรเลือกแม่แรงที่รองรับน้ำหนักได้อย่างน้อย
1. แม่แรงสะพาน หรือ แม่แรงกรรไกร มีลักษณะคล้ายกรรไกรสองข้าง สามารถหมุนปรับขึ้น-ลงได้ด้วยมือหมุนหรือประแจ รับน้ำหนักได้ 1 - 2 ตัน (ใช้แรงคน)2.แม่แรงขวด หรือ แม่แรงเกลียว ใช้กลไกเกลียวหมุนเพื่อสร้างแรงยกหรือดันวัตถุได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน รับน้ำหนักได้ 3.2 ตัน และ 5